จะรู้ได้อย่างไรว่ากระดูกพรุน

2 การดู

กระดูกพรุนมักไม่มีสัญญาณเตือนในช่วงแรก สังเกตตัวเองว่าส่วนสูงลดลงหรือไม่ หลังค่อมหรือเปล่า หากเริ่มมีอาการปวดลึกๆ ในกระดูก โดยเฉพาะหลังหรือขา ควรรีบปรึกษาแพทย์ เพราะกระดูกที่อ่อนแอจะเสี่ยงต่อการหักได้ง่าย แม้เพียงล้มเบาๆ

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

เงียบเชียบแต่ร้ายกาจ: รู้ทันกระดูกพรุนก่อนสายเกินแก้

กระดูกพรุน หรือ โรคกระดูกพรุน (Osteoporosis) เป็นโรคที่ค่อยๆ กัดกร่อนความแข็งแรงของกระดูก ทำให้กระดูกบางลงเปราะบางและเสี่ยงต่อการหักได้ง่าย อันตรายของโรคนี้ไม่ได้อยู่ที่ความเจ็บปวดรุนแรงในทันที แต่แฝงตัวอยู่ในความเงียบเชียบที่อาจทำให้เราสังเกตไม่ทัน จนกระทั่งเกิดการหักกระดูกขึ้นเสียก่อน ดังนั้น การเรียนรู้สัญญาณเตือนและเข้าใจโรคนี้จึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง

สิ่งที่น่ากังวลคือ กระดูกพรุนมักไม่มีอาการใดๆ ในระยะเริ่มแรก เราอาจไม่รู้สึกเจ็บปวดหรือมีอาการผิดปกติใดๆ จนกว่ากระดูกจะอ่อนแอลงมากพอที่จะหักได้ง่าย แม้เพียงการล้มเบาๆ หรือการกระแทกเล็กน้อย ก็อาจทำให้กระดูกหักได้ นี่จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้การตรวจคัดกรองและการป้องกันเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง

แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่าตัวเองเสี่ยงหรือเป็นโรคกระดูกพรุน?

แม้จะไม่มีอาการชัดเจน แต่เราสามารถสังเกตสัญญาณเตือนบางอย่างได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้สูงอายุ ซึ่งควรให้ความสำคัญกับการเปลี่ยนแปลงต่างๆ ในร่างกาย อาการที่น่าสงสัย ได้แก่:

  • ส่วนสูงลดลง: หากสังเกตว่าส่วนสูงลดลงอย่างเห็นได้ชัด อาจเป็นสัญญาณว่ากระดูกกำลังสูญเสียความหนาแน่น เนื่องจากกระดูกสันหลังยุบตัวลง

  • หลังค่อม: การหลังค่อมที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วโดยไม่มีสาเหตุอื่นๆ อาจเป็นผลมาจากการยุบตัวของกระดูกสันหลังที่เกิดจากโรคกระดูกพรุน

  • ปวดกระดูกเรื้อรัง: อาการปวดลึกๆ ในกระดูก โดยเฉพาะบริเวณหลัง สะโพก หรือขา ควรได้รับการตรวจสอบอย่างละเอียด เพราะอาจบ่งชี้ถึงความเสื่อมของกระดูก

  • กระดูกหักง่าย: การหักกระดูกง่ายๆ แม้จะไม่ได้เกิดจากการกระแทกที่รุนแรง เช่น หักกระดูกข้อมือจากการล้มเล็กน้อย ก็ควรได้รับการตรวจวินิจฉัยอย่างละเอียด เพื่อตรวจหาความเสี่ยงของโรคกระดูกพรุน

หากคุณสังเกตเห็นสัญญาณเหล่านี้ หรืออยู่ในกลุ่มเสี่ยง เช่น ผู้หญิงวัยหมดประจำเดือน ผู้ที่มีประวัติครอบครัวเป็นโรคกระดูกพรุน ผู้ที่ทานยาบางชนิดเป็นเวลานาน หรือผู้ที่มีน้ำหนักตัวน้อย ควรปรึกษาแพทย์โดยเร็วที่สุด แพทย์จะทำการตรวจร่างกาย และอาจทำการตรวจวัดความหนาแน่นของกระดูก (Bone Mineral Density – BMD) เพื่อวินิจฉัยโรคและวางแผนการรักษาที่เหมาะสม การรักษาอาจรวมถึงการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิต การรับประทานอาหารที่มีแคลเซียมและวิตามินดีเพียงพอ การออกกำลังกาย และในบางกรณีอาจต้องใช้ยาเพื่อช่วยเพิ่มความหนาแน่นของกระดูก

อย่ามองข้ามความเงียบเชียบของโรคกระดูกพรุน การดูแลสุขภาพกระดูกตั้งแต่วัยหนุ่มสาว จนถึงวัยชรา เป็นการลงทุนที่ดีที่สุดเพื่อสุขภาพที่แข็งแรง และคุณภาพชีวิตที่ดีในระยะยาว