ฉายแสงทำไมท้องเสีย

1 การดู

การฉายรังสีรักษาโรคมะเร็งบางชนิดอาจส่งผลข้างเคียงต่อระบบทางเดินอาหาร โดยเฉพาะลำไส้เล็ก ทำให้เกิดการอักเสบและท้องเสียได้ อาการมักปรากฏหลังได้รับการฉายรังสีสะสมหลายครั้ง ควรปรึกษาแพทย์หากท้องเสียรุนแรง การรับประทานอาหารอ่อน เช่น โจ๊ก จะช่วยบรรเทาอาการได้

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

แสงส่องชีวิต…แต่ทำไมท้องไส้ปั่นป่วน? : ท้องเสียหลังฉายรังสีกับผลกระทบต่อระบบทางเดินอาหาร

การฉายรังสีคือหนึ่งในวิธีการรักษาโรคมะเร็งที่สำคัญ โดยอาศัยพลังงานจากรังสีเพื่อทำลายเซลล์มะเร็งให้ตายไป แต่กระบวนการนี้ก็เหมือนดาบสองคม เพราะนอกจากจะส่งผลดีต่อการรักษาแล้ว ยังอาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์ได้อีกด้วย หนึ่งในผลข้างเคียงที่พบได้บ่อยคืออาการ “ท้องเสีย” โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้ป่วยที่ได้รับการฉายรังสีบริเวณช่องท้อง หรืออุ้งเชิงกราน

ทำไมการฉายรังสีถึงทำให้ท้องเสีย?

คำตอบอยู่ที่ผลกระทบของรังสีต่อระบบทางเดินอาหารของเรา โดยเฉพาะอย่างยิ่งลำไส้เล็ก ซึ่งเป็นบริเวณที่สำคัญในการดูดซึมสารอาหาร การฉายรังสีสามารถส่งผลเสียต่อลำไส้ได้หลายประการ:

  • การอักเสบของเยื่อบุลำไส้: รังสีสามารถทำลายเซลล์ที่บุผนังลำไส้ ทำให้เกิดการอักเสบ บวม และระคายเคือง ส่งผลให้การดูดซึมน้ำและสารอาหารเป็นไปอย่างไม่สมบูรณ์แบบ และนำไปสู่อาการท้องเสีย
  • การเปลี่ยนแปลงของแบคทีเรียในลำไส้: ลำไส้ของเราเป็นบ้านของแบคทีเรียจำนวนมากที่ช่วยในการย่อยอาหารและรักษาสมดุลของระบบทางเดินอาหาร การฉายรังสีสามารถทำลายสมดุลนี้ ทำให้แบคทีเรียที่เป็นประโยชน์ลดลง และแบคทีเรียที่ไม่ดีเพิ่มขึ้น ซึ่งอาจนำไปสู่อาการท้องเสีย
  • การลดลงของการผลิตเอนไซม์ย่อยอาหาร: รังสีอาจส่งผลกระทบต่อการผลิตเอนไซม์ที่ช่วยในการย่อยอาหาร ทำให้การย่อยอาหารไม่สมบูรณ์และเกิดอาการท้องเสียตามมา
  • ความเสียหายต่อหลอดเลือด: รังสีอาจทำให้หลอดเลือดเล็กๆ ที่หล่อเลี้ยงลำไส้เสียหาย ส่งผลให้เลือดไหลเวียนไม่สะดวก และทำให้เกิดการอักเสบและอาการท้องเสีย

อาการและการจัดการ

อาการท้องเสียจากการฉายรังสีมักจะเกิดขึ้นหลังจากการฉายรังสีสะสมหลายครั้ง และอาจมีอาการอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น ปวดท้อง คลื่นไส้ อาเจียน อ่อนเพลีย และเบื่ออาหาร ความรุนแรงของอาการแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ขึ้นอยู่กับบริเวณที่ฉายรังสี ปริมาณรังสี และสุขภาพโดยรวมของผู้ป่วย

การจัดการกับอาการท้องเสียจากการฉายรังสีมีความสำคัญอย่างยิ่ง เพื่อช่วยบรรเทาความทรมานและป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น สิ่งที่ควรทำมีดังนี้:

  • ปรึกษาแพทย์: แจ้งอาการท้องเสียให้แพทย์ทราบทันที แพทย์จะประเมินอาการและให้คำแนะนำที่เหมาะสม รวมถึงอาจสั่งยาเพื่อบรรเทาอาการ
  • ปรับเปลี่ยนอาหาร: รับประทานอาหารอ่อน ย่อยง่าย เช่น โจ๊ก ข้าวต้ม ซุปใส หลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันสูง อาหารรสจัด อาหารที่มีกากใยสูง และผลิตภัณฑ์จากนม
  • ดื่มน้ำให้เพียงพอ: ท้องเสียทำให้ร่างกายสูญเสียน้ำและเกลือแร่ ดังนั้นจึงจำเป็นต้องดื่มน้ำให้เพียงพอเพื่อป้องกันภาวะขาดน้ำ
  • หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนและแอลกอฮอล์: เครื่องดื่มเหล่านี้อาจทำให้อาการท้องเสียแย่ลง
  • พักผ่อนให้เพียงพอ: ร่างกายต้องการการพักผ่อนเพื่อฟื้นตัวจากผลกระทบของการฉายรังสี

ป้องกันดีกว่าแก้:

แม้ว่าอาการท้องเสียจากการฉายรังสีจะเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงได้ยาก แต่ก็มีบางสิ่งที่เราสามารถทำได้เพื่อลดความเสี่ยงและบรรเทาอาการ:

  • ปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับวิธีการป้องกัน: แพทย์อาจแนะนำให้รับประทานอาหารเสริมบางชนิด เช่น โปรไบโอติก เพื่อช่วยรักษาสมดุลของแบคทีเรียในลำไส้
  • ดูแลสุขภาพช่องปาก: การฉายรังสีอาจทำให้ปากแห้งและเกิดการอักเสบในช่องปาก ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการย่อยอาหาร ดังนั้นจึงควรดูแลสุขภาพช่องปากให้ดี
  • ออกกำลังกายเบาๆ: การออกกำลังกายเบาๆ สามารถช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบทางเดินอาหารและลดอาการท้องเสียได้
  • จัดการกับความเครียด: ความเครียดอาจทำให้อาการท้องเสียแย่ลง ดังนั้นจึงควรหาวิธีจัดการกับความเครียด เช่น การทำสมาธิ การฝึกโยคะ หรือการพูดคุยกับนักจิตวิทยา

การฉายรังสีคือเครื่องมือสำคัญในการต่อสู้กับโรคมะเร็ง แต่การทำความเข้าใจผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น และการจัดการกับอาการอย่างเหมาะสม จะช่วยให้ผู้ป่วยสามารถรับการรักษาได้อย่างมีประสิทธิภาพและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น