ฉีดสเตียรอยด์มีผลเสียอย่างไร

ฉีดสเตียรอยด์ : ยาที่ทรงพลัง แต่ต้องระวังผลข้างเคียง

สเตียรอยด์เป็นยาที่มีประสิทธิภาพในการรักษาอาการอักเสบ โรคภูมิแพ้ และโรคอื่นๆ แต่การใช้สเตียรอยด์ โดยเฉพาะในระยะยาว อาจส่งผลต่อร่างกายได้มากมาย ผลข้างเคียงที่พบได้บ่อย เช่น กระดูกพรุน โรคเบาหวาน และความดันโลหิตสูง นอกจากนี้ ยังส่งผลต่อจิตใจ ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ เช่น หงุดหงิดง่าย นอนไม่หลับ และซึมเศร้า

ผลข้างเคียงที่สำคัญของการใช้สเตียรอยด์:

• กระดูกพรุน: สเตียรอยด์ทำให้ร่างกายดูดซึมแคลเซียมลดลง ส่งผลให้กระดูกบาง เปราะ และเสี่ยงต่อการหักง่าย
• โรคเบาหวาน: สเตียรอยด์เพิ่มระดับน้ำตาลในเลือด ซึ่งอาจทำให้เกิดภาวะดื้อต่ออินซูลิน และนำไปสู่โรคเบาหวาน
• ความดันโลหิตสูง: สเตียรอยด์ทำให้ร่างกายเก็บน้ำและโซเดียมมากขึ้น ส่งผลให้ความดันโลหิตสูงขึ้น
• การเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์: สเตียรอยด์ส่งผลต่อสมอง ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ เช่น หงุดหงิดง่าย นอนไม่หลับ ซึมเศร้า และมีอาการทางจิตอื่นๆ
• น้ำหนักขึ้น: สเตียรอยด์กระตุ้นความอยากอาหาร และทำให้ร่างกายเก็บน้ำมากขึ้น ส่งผลให้น้ำหนักเพิ่มขึ้น
• แผลในกระเพาะอาหาร: สเตียรอยด์ลดการผลิตน้ำย่อยในกระเพาะอาหาร ทำให้เกิดแผลในกระเพาะอาหารได้
• ติดเชื้อ: สเตียรอยด์ลดภูมิคุ้มกัน ทำให้ร่างกายอ่อนแอต่อการติดเชื้อ
• การละลายของกล้ามเนื้อ: สเตียรอยด์ทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแอและเสื่อมสภาพ

การใช้สเตียรอยด์อย่างปลอดภัย:

• ใช้สเตียรอยด์ตามคำแนะนำของแพทย์: แพทย์จะกำหนดขนาด ช่วงเวลา และระยะเวลาในการใช้สเตียรอยด์ ให้เหมาะสมกับโรคและสภาพร่างกายของแต่ละคน
• ปรึกษาแพทย์หากมีผลข้างเคียง: หากมีอาการผิดปกติ เช่น ปวดกระดูก น้ำหนักขึ้น หงุดหงิดง่าย ควรแจ้งแพทย์ทันที
• รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่: การรับประทานอาหารที่มีแคลเซียม วิตามิน และสารอาหารครบถ้วน ช่วยลดผลข้างเคียงของสเตียรอยด์ได้
• ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ: การออกกำลังกายช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของกระดูก และช่วยควบคุมน้ำหนัก ซึ่งเป็นการป้องกันผลข้างเคียงของสเตียรอยด์
• งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์: เครื่องดื่มแอลกอฮอล์อาจเพิ่มผลข้างเคียงของสเตียรอยด์ โดยเฉพาะผลกระทบต่อตับ

บทสรุป:

สเตียรอยด์เป็นยาที่ทรงพลัง แต่มีผลข้างเคียงที่ร้ายแรง ดังนั้น ควรใช้สเตียรอยด์ตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด และหมั่นสังเกตอาการผิดปกติ เพื่อรับการรักษาอย่างทันท่วงที