ตับไม่ดีมีอาการยังไง

7 การดู

สัญญาณเตือนภัยเงียบจากตับอ่อนแอ นอกเหนือจากอาการเหนื่อยล้าเรื้อรัง ร่างกายอาจส่งสัญญาณผ่านผิวหนังซีดเหลือง เลือดออกง่าย เกิดรอยฟกช้ำง่ายผิดปกติ และอาการบวมน้ำตามร่างกายโดยไม่ทราบสาเหตุ ควรรีบพบแพทย์หากพบความผิดปกติ

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

สัญญาณเตือนภัยเงียบที่ตับส่งมา: รู้เท่าทันก่อนสายเกินแก้

ตับ เปรียบเสมือนโรงงานแปรรูปขนาดใหญ่ภายในร่างกาย ทำหน้าที่สำคัญมากมาย ตั้งแต่กำจัดสารพิษ ผลิตโปรตีน จนถึงช่วยในการย่อยอาหาร เมื่อตับทำงานผิดปกติหรืออ่อนแอลง จึงส่งผลกระทบต่อสุขภาพอย่างร้ายแรง แต่ที่น่ากังวลคือ อาการของโรคตับมักไม่แสดงออกอย่างชัดเจนในระยะเริ่มต้น จึงถูกเรียกว่า “ฆาตกรเงียบ” บทความนี้จะช่วยให้คุณรู้จักสัญญาณเตือนภัยที่ตับพยายามส่งมา เพื่อให้คุณสามารถเข้ารับการรักษาได้อย่างทันท่วงที

อาการที่ควรเฝ้าระวัง ซึ่งอาจบ่งบอกถึงปัญหาเกี่ยวกับตับ:

1. อาการที่แสดงออกทางผิวหนัง:

  • ผิวซีดหรือเหลือง: นี่คือสัญญาณที่พบได้บ่อย เกิดจากการสะสมของบิลิรูบิน (bilirubin) ซึ่งเป็นสารสีเหลืองที่เกิดจากการสลายตัวของเซลล์เม็ดเลือดแดง หากตับไม่สามารถกำจัดบิลิรูบินได้อย่างมีประสิทธิภาพ จะทำให้ผิวและตาเหลือง ซึ่งเรียกว่า “ดีซ่าน” (jaundice)
  • เลือดออกง่ายหรือมีรอยฟกช้ำง่าย: ตับมีบทบาทสำคัญในการสร้างโปรตีนที่ช่วยในการแข็งตัวของเลือด หากตับทำงานผิดปกติ อาจทำให้ร่างกายมีแนวโน้มเลือดออกง่าย หรือเกิดรอยฟกช้ำได้ง่ายกว่าปกติ แม้กระทั่งการบาดเจ็บเล็กน้อย
  • คันผิวหนัง: อาการคันอย่างรุนแรงโดยไม่ทราบสาเหตุ อาจเกี่ยวข้องกับการสะสมของกรดน้ำดีในร่างกาย ซึ่งเกิดจากตับทำงานผิดปกติ

2. อาการอื่นๆ ที่ควรสังเกต:

  • ความเหนื่อยล้าเรื้อรัง: ตับอ่อนแออาจทำให้ร่างกายรู้สึกเหนื่อยล้า อ่อนเพลีย และไม่มีแรง แม้จะพักผ่อนเพียงพอแล้วก็ตาม
  • คลื่นไส้และอาเจียน: อาการเหล่านี้สามารถเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ แต่หากเกิดขึ้นบ่อยครั้ง ควรถือเป็นสัญญาณเตือนที่ควรไปพบแพทย์
  • บวมน้ำ: โดยเฉพาะบริเวณขาและเท้า อาจเกิดจากการที่ตับไม่สามารถกำจัดของเสียและน้ำส่วนเกินได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • ปัสสาวะสีเข้มและอุจจาระสีอ่อน: การเปลี่ยนแปลงสีของปัสสาวะและอุจจาระ อาจบ่งบอกถึงปัญหาเกี่ยวกับการขับถ่ายของเสียของตับ
  • ความอยากอาหารลดลง: การสูญเสียความอยากอาหารอย่างกะทันหัน อาจเป็นสัญญาณเตือนภัยของโรคตับ

3. อาการที่รุนแรงขึ้น:

  • อาการปวดท้องด้านขวาบน: ปวดบริเวณใต้ชายโครงขวา อาจบ่งบอกถึงปัญหาเกี่ยวกับตับ หรือถุงน้ำดี
  • ไข้และหนาวสั่น: อาจบ่งบอกถึงการติดเชื้อในตับ

สิ่งสำคัญคือ อาการเหล่านี้อาจเกิดจากหลายสาเหตุ ไม่ใช่เพียงแค่โรคตับเท่านั้น ดังนั้น หากคุณพบอาการเหล่านี้ ควรไปพบแพทย์เพื่อทำการตรวจวินิจฉัยอย่างละเอียด การตรวจเลือด อัลตราซาวนด์ หรือการตรวจอื่นๆ จะช่วยแพทย์ในการวินิจฉัยโรคและวางแผนการรักษาที่เหมาะสม การตรวจเช็คสุขภาพประจำปี ก็เป็นวิธีการที่ดีในการตรวจหาปัญหาเกี่ยวกับตับได้ตั้งแต่ระยะเริ่มต้น ก่อนที่จะเกิดความเสียหายร้ายแรง

อย่าละเลยสัญญาณเตือนจากร่างกายของคุณ การรักษาที่ทันท่วงที เป็นกุญแจสำคัญในการรักษาสุขภาพตับให้แข็งแรง