ทำไมต้องให้ furosemide ก่อนให้เลืิด

2 การดู

เพื่อป้องกันภาวะน้ำเกินในปอด (Circulation Overload) ในผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยง เช่น เด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี, ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป, และผู้ป่วยโลหิตจางเรื้อรัง (ธาลัสซีเมีย) การให้ยา Furosemide ก่อนการให้เลือดจึงเป็นสิ่งสำคัญ นอกจากนี้ อาจพิจารณาให้ยา CPM และ Paracetamol ก่อนการให้เลือด 15 นาทีเพื่อป้องกันอาการแพ้

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

Furosemide: เกราะป้องกันภาวะน้ำเกิน…เหตุใดจึงสำคัญก่อนการให้เลือดในผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยง

การให้เลือดเป็นกระบวนการทางการแพทย์ที่สำคัญในการรักษาผู้ป่วยจำนวนมาก แต่ในขณะเดียวกันก็มาพร้อมกับความเสี่ยงที่ต้องพิจารณา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้ป่วยบางกลุ่มที่มีความเปราะบางต่อภาวะแทรกซ้อน หนึ่งในภาวะแทรกซ้อนที่น่ากังวลคือ “ภาวะน้ำเกินในปอด” หรือ Circulation Overload ซึ่งอาจนำไปสู่ปัญหาทางเดินหายใจที่รุนแรงและเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ ดังนั้น การป้องกันภาวะดังกล่าวจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง และยา Furosemide ได้เข้ามามีบทบาทสำคัญในฐานะเกราะป้องกัน

ทำไมภาวะน้ำเกินในปอดจึงเป็นปัญหา?

ภาวะน้ำเกินในปอดเกิดขึ้นเมื่อปริมาณของเหลวในร่างกายมากเกินไป จนทำให้ของเหลวซึมเข้าไปในเนื้อเยื่อปอด ส่งผลให้ปอดทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ ผู้ป่วยจะมีอาการหายใจลำบาก เหนื่อยหอบ และอาจมีอาการไอร่วมด้วย ในกรณีที่รุนแรง อาจจำเป็นต้องได้รับการรักษาด้วยการให้ออกซิเจนหรือแม้กระทั่งการใส่ท่อช่วยหายใจ

ทำไม Furosemide จึงถูกนำมาใช้ก่อนการให้เลือด?

Furosemide เป็นยาขับปัสสาวะที่มีประสิทธิภาพในการลดปริมาณของเหลวในร่างกาย โดยยาจะออกฤทธิ์ที่ไต ช่วยเพิ่มการขับน้ำและเกลือแร่ผ่านทางปัสสาวะ การให้ Furosemide ก่อนการให้เลือด โดยเฉพาะในผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยง จะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดภาวะน้ำเกินในปอดได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ใครบ้างที่จัดอยู่ในกลุ่มเสี่ยงและควรได้รับ Furosemide ก่อนการให้เลือด?

  • เด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี: เนื่องจากระบบการทำงานของไตยังพัฒนาไม่เต็มที่ ทำให้ความสามารถในการจัดการกับปริมาณของเหลวที่เพิ่มขึ้นจากการให้เลือดอาจไม่ดีเท่าผู้ใหญ่
  • ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป: ความสามารถในการทำงานของหัวใจและไตมักจะลดลงตามอายุ ทำให้มีความเสี่ยงต่อภาวะน้ำเกินมากขึ้น
  • ผู้ป่วยโลหิตจางเรื้อรัง (เช่น ธาลัสซีเมีย): ผู้ป่วยกลุ่มนี้มักมีภาวะหัวใจโตและความสามารถในการสูบฉีดเลือดลดลง ทำให้มีความเสี่ยงสูงต่อภาวะน้ำเกินเมื่อได้รับเลือด

นอกเหนือจาก Furosemide แล้ว มีการป้องกันอื่นๆ อีกหรือไม่?

นอกจากการให้ Furosemide แล้ว แพทย์อาจพิจารณาให้ยา CPM (Chlorpheniramine) ซึ่งเป็นยาแก้แพ้ และ Paracetamol เพื่อป้องกันอาการแพ้ที่อาจเกิดขึ้นจากการให้เลือด โดยให้ก่อนการให้เลือดประมาณ 15 นาที นอกจากนี้ การควบคุมอัตราการให้เลือดอย่างเหมาะสมและการติดตามอาการของผู้ป่วยอย่างใกล้ชิดก็มีความสำคัญอย่างยิ่ง

ข้อควรระวัง:

  • การใช้ Furosemide ควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ เนื่องจากอาจมีผลข้างเคียง เช่น ภาวะเกลือแร่ในเลือดต่ำ หรือภาวะขาดน้ำ
  • ผู้ป่วยควรแจ้งให้แพทย์ทราบถึงประวัติทางการแพทย์และยาที่กำลังรับประทานอยู่ เพื่อให้แพทย์สามารถประเมินความเสี่ยงและวางแผนการรักษาได้อย่างเหมาะสม

สรุป

การให้ Furosemide ก่อนการให้เลือดในผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยงเป็นขั้นตอนที่สำคัญในการป้องกันภาวะน้ำเกินในปอด ซึ่งเป็นภาวะแทรกซ้อนที่อาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ การตระหนักถึงความสำคัญของมาตรการป้องกันนี้และการปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด จะช่วยให้การให้เลือดเป็นไปอย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพสูงสุด