ทำไมเราถึงเป็นภูมิแพ้

8 การดู

ภูมิแพ้เกิดจากระบบภูมิคุ้มกันทำงานผิดปกติ ร่างกายเข้าใจผิดคิดว่าสารก่อภูมิแพ้ (เช่น นมวัว ขนสัตว์) เป็นภัยคุกคาม จึงสร้างแอนติบอดีต่อต้าน ส่งผลให้เกิดอาการต่างๆ เช่น ผื่นคัน น้ำมูกไหล หายใจลำบาก ความรุนแรงแตกต่างกันไป บางรายอาจมีอาการเล็กน้อย บางรายอาจรุนแรงถึงขั้นอันตรายถึงชีวิตได้ การรักษาเน้นการหลีกเลี่ยงสารก่อภูมิแพ้และยาที่ช่วยบรรเทาอาการ

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

ภูมิแพ้: เมื่อระบบรักษาความปลอดภัยของร่างกายกลายเป็นศัตรู

เราทุกคนมีระบบภูมิคุ้มกันที่ทำหน้าที่ปกป้องร่างกายจากสิ่งแปลกปลอม เชื้อโรค และอันตรายต่างๆ แต่บางครั้ง ระบบนี้กลับทำงานผิดพลาด สร้างการตอบสนองที่มากเกินไปต่อสิ่งที่ไม่เป็นอันตราย นั่นคือต้นตอของ “ภูมิแพ้” ปรากฏการณ์ที่แม้จะพบเห็นได้ทั่วไป แต่ก็ยังซับซ้อนและน่าสนใจในเชิงกลไก

ภูมิแพ้ไม่ได้เกิดจากความบกพร่องของร่างกายโดยตรง แต่เป็นการทำงานผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกัน กล่าวคือ ระบบภูมิคุ้มกันของผู้ที่เป็นภูมิแพ้จะ “เข้าใจผิด” คิดว่าสารบางอย่างที่โดยปกติแล้วไม่เป็นอันตราย เช่น เกสรดอกไม้ ขนสัตว์ ไรฝุ่น อาหารบางชนิด (เช่น นมวัว ถั่วลิสง) หรือยาบางชนิด เป็นภัยคุกคามต่อร่างกาย

เมื่อร่างกายสัมผัสกับสารก่อภูมิแพ้เหล่านี้ ระบบภูมิคุ้มกันจะสร้างแอนติบอดีชนิดหนึ่งที่เรียกว่า Immunoglobulin E (IgE) ขึ้นมา IgE เหล่านี้จะเกาะติดกับเซลล์เม็ดเลือดขาวชนิดหนึ่งที่เรียกว่า mast cells และ basophils เมื่อร่างกายสัมผัสกับสารก่อภูมิแพ้ซ้ำอีก IgE เหล่านี้จะกระตุ้นให้ mast cells และ basophils ปล่อยสารเคมีต่างๆ ออกมา เช่น ฮิสตามีน ซึ่งเป็นสาเหตุของอาการต่างๆ ที่เราพบเห็นในผู้ป่วยภูมิแพ้

อาการของภูมิแพ้มีความหลากหลาย ขึ้นอยู่กับชนิดของสารก่อภูมิแพ้ และความไวของแต่ละบุคคล อาการอาจเป็นเพียงเล็กน้อย เช่น น้ำมูกไหล จาม คันตา หรือผื่นคัน แต่ในบางกรณี อาการอาจรุนแรงถึงขั้นอันตราย เช่น ภาวะช็อกจากภูมิแพ้ (anaphylaxis) ซึ่งอาจทำให้หายใจลำบาก ความดันโลหิตตกอย่างรวดเร็ว และถึงขั้นเสียชีวิตได้

ปัจจุัยหลายอย่างมีส่วนเกี่ยวข้องกับการเกิดภูมิแพ้ นอกเหนือจากพันธุกรรม ปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อมก็มีบทบาทสำคัญ เช่น มลพิษทางอากาศ การสัมผัสสารเคมี การเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ และวิถีชีวิตสมัยใหม่ที่อาจทำให้ระบบภูมิคุ้มกันของเด็กพัฒนาไม่สมดุล

ปัจจุบัน การรักษาภูมิแพ้เน้นการหลีกเลี่ยงสารก่อภูมิแพ้ เป็นหลักสำคัญที่สุด ควบคู่ไปกับการใช้ยาเพื่อบรรเทาอาการ เช่น ยาแก้แพ้ ยาพ่นจมูก หรือในกรณีที่รุนแรงอาจต้องใช้ยาฉีดเพื่อป้องกันการเกิดอาการรุนแรง นอกจากนี้ การรักษาแบบภูมิคุ้มกันบำบัด (Immunotherapy) เช่น การฉีดวัคซีนภูมิแพ้ ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ช่วยลดความไวต่อสารก่อภูมิแพ้ได้ในระยะยาว

การทำความเข้าใจกลไกการเกิดภูมิแพ้ และการดูแลสุขภาพอย่างถูกวิธี เป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยลดความเสี่ยง และควบคุมอาการของโรคนี้ได้ การปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อการวินิจฉัยและการรักษาที่ถูกต้อง จึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง หากพบว่าตนเองมีอาการผิดปกติที่อาจบ่งชี้ถึงการแพ้ ไม่ควรนิ่งนอนใจ ควรเข้ารับการตรวจวินิจฉัยอย่างทันท่วงที