ท้องเสียแค่ไหนควรไปรพ.

1 การดู

หากท้องเสียมีอาการไม่รุนแรง สามารถรักษาตนเองด้วยการรับประทานยาลดอาการท้องเสีย หรือดื่มสารละลายเกลือแร่เพื่อทดแทนการสูญเสียน้ำและเกลือแร่ แต่หากท้องเสียรุนแรง เช่น อาเจียน ท้องเสียถ่ายเป็นน้ำมาก อ่อนเพลียจัด ควรรีบไปพบแพทย์

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

ท้องเสียแบบไหน…ที่ไม่ควรชะล่าใจ ต้องรีบไปโรงพยาบาล!

อาการท้องเสียเป็นเรื่องที่ใครหลายคนอาจเคยเจอ และส่วนใหญ่มักหายได้เองภายในไม่กี่วัน ด้วยการดูแลตัวเองอย่างถูกวิธี แต่ในบางครั้ง ท้องเสียก็อาจเป็นสัญญาณของปัญหาสุขภาพที่ร้ายแรงกว่านั้น และจำเป็นต้องได้รับการรักษาจากแพทย์อย่างเร่งด่วน แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่าท้องเสียแบบไหนที่ไม่ควรชะล่าใจ และควรต้องรีบไปโรงพยาบาล?

บทความนี้จะมาเจาะลึกถึงสัญญาณอันตรายของอาการท้องเสีย ที่บ่งบอกว่าคุณควรรีบไปพบแพทย์โดยด่วน เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อาจเป็นอันตรายถึงชีวิต

ท้องเสียที่ไม่ใช่แค่ท้องเสีย…เมื่อไหร่ที่ต้องระวัง?

อาการท้องเสียทั่วไป มักเกิดจากอาหารเป็นพิษ หรือการติดเชื้อไวรัสในระบบทางเดินอาหาร ซึ่งมักจะหายได้เองภายใน 1-2 วัน แต่ถ้าอาการท้องเสียของคุณมีลักษณะดังต่อไปนี้ ควรรีบไปพบแพทย์ทันที:

  • ถ่ายเหลวเป็นน้ำปริมาณมาก: หากคุณถ่ายเหลวเป็นน้ำบ่อยครั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากถ่ายมากกว่า 6 ครั้งต่อวัน นั่นหมายถึงร่างกายของคุณกำลังสูญเสียน้ำและเกลือแร่อย่างรวดเร็ว ซึ่งอาจนำไปสู่ภาวะขาดน้ำรุนแรงได้
  • มีอาการอาเจียนร่วมด้วย: การอาเจียนควบคู่ไปกับการท้องเสีย ทำให้ร่างกายสูญเสียน้ำและเกลือแร่มากยิ่งขึ้น และอาจทำให้ร่างกายอ่อนเพลียอย่างรวดเร็ว
  • มีไข้สูง: หากมีไข้สูงเกิน 38 องศาเซลเซียส ร่วมกับอาการท้องเสีย อาจบ่งบอกถึงการติดเชื้อแบคทีเรีย หรือปรสิตในระบบทางเดินอาหาร ซึ่งจำเป็นต้องได้รับการรักษาด้วยยาปฏิชีวนะ
  • อุจจาระมีมูกเลือด: การมีมูกเลือดปนในอุจจาระ เป็นสัญญาณบ่งบอกถึงการอักเสบ หรือการติดเชื้อในลำไส้ ซึ่งอาจเป็นอันตรายและจำเป็นต้องได้รับการวินิจฉัยและการรักษาที่ถูกต้อง
  • ปวดท้องอย่างรุนแรง: อาการปวดท้องที่รุนแรง บิดเกร็ง หรือปวดตลอดเวลา อาจบ่งบอกถึงภาวะลำไส้อักเสบ หรือภาวะแทรกซ้อนอื่นๆ ที่จำเป็นต้องได้รับการรักษาอย่างเร่งด่วน
  • อาการขาดน้ำรุนแรง: สังเกตอาการขาดน้ำได้จาก ปากแห้ง คอแห้ง ผิวแห้ง ปัสสาวะน้อย หรือไม่ปัสสาวะเลย อ่อนเพลียอย่างมาก เวียนศีรษะ หรือหน้ามืด
  • มีโรคประจำตัว: หากคุณมีโรคประจำตัว เช่น โรคเบาหวาน โรคไต โรคหัวใจ หรือกำลังตั้งครรภ์ การท้องเสียอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพของคุณมากกว่าคนทั่วไป ดังนั้น ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อประเมินอาการและรับการรักษาที่เหมาะสม
  • ทานยาบางชนิด: ยาบางชนิดอาจทำให้เกิดอาการท้องเสียเป็นผลข้างเคียง หากคุณทานยาอยู่และมีอาการท้องเสียเกิดขึ้น ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรเพื่อขอคำแนะนำ

สิ่งที่ควรทำระหว่างรอพบแพทย์:

  • จิบน้ำเกลือแร่: เพื่อทดแทนการสูญเสียน้ำและเกลือแร่ในร่างกาย สามารถทำเองได้โดยผสมน้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ เกลือป่น 1/2 ช้อนชา ในน้ำต้มสุกที่เย็นแล้ว 1 ลิตร หรือซื้อผงเกลือแร่สำเร็จรูปตามร้านขายยา
  • พักผ่อนให้เพียงพอ: การพักผ่อนจะช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวได้เร็วขึ้น
  • สังเกตอาการอย่างใกล้ชิด: หากอาการแย่ลง ควรรีบแจ้งแพทย์ทันที

สรุป:

อาการท้องเสียส่วนใหญ่มักไม่ร้ายแรง แต่หากมีอาการที่กล่าวมาข้างต้น ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อวินิจฉัยและรับการรักษาที่เหมาะสม เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อาจเป็นอันตรายถึงชีวิต อย่าชะล่าใจหากอาการท้องเสียของคุณไม่ดีขึ้น หรือมีอาการที่น่าเป็นห่วง การพบแพทย์ตั้งแต่เนิ่นๆ จะช่วยให้คุณได้รับการรักษาที่ทันท่วงที และกลับมามีสุขภาพที่ดีได้อีกครั้ง

คำเตือน: ข้อมูลที่ให้ไว้ในบทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ข้อมูลทั่วไปเท่านั้น และไม่ควรนำมาใช้แทนคำแนะนำทางการแพทย์จากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ หากคุณมีข้อกังวลใดๆ เกี่ยวกับสุขภาพของคุณ ควรปรึกษาแพทย์หรือผู้ให้บริการทางการแพทย์ที่มีคุณสมบัติเหมาะสม