ประจำเดือนมาไม่หยุดทำอย่างไร

รับมือกับภาวะประจำเดือนมาไม่หยุด

เมื่อพบกับปัญหาประจำเดือนมาไม่หยุดหรือมีเลือดออกผิดปกติ สิ่งสำคัญที่ควรทำคือการพบสูตินรีแพทย์โดยเร็วที่สุดเพื่อหาสาเหตุที่แท้จริง เพราะอาจมีความผิดปกติต่างๆ ซ่อนอยู่ เช่น การตั้งครรภ์หรือความผิดปกติของมดลูกได้

อาการที่ต้องสังเกต

• เลือดออกมากผิดปกติ เช่น เลือดออกกระฉูดจนซึมเปื้อนผ้าอนามัยหรือผ้าอนามัยแบบสอดได้ในเวลาไม่กี่ชั่วโมง
• เลือดออกหลังวัยหมดประจำเดือน
• มีเลือดออกนอกรอบประจำเดือน เช่น หลังการมีเพศสัมพันธ์หรือระหว่างการตั้งครรภ์

สาเหตุของภาวะประจำเดือนมาไม่หยุด

สาเหตุของภาวะประจำเดือนมาไม่หยุดมีหลากหลาย เช่น

• ความไม่สมดุลของฮอร์โมน: เกิดจากระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรนที่ไม่สมดุลกัน โดยอาจเกิดจากความเครียด การออกกำลังกายมากเกินไป หรือภาวะโภชนาการผิดปกติ
• การตั้งครรภ์: เลือดออกในระหว่างตั้งครรภ์อาจเป็นสัญญาณของภาวะแทรกซ้อนบางอย่าง
• ความผิดปกติของมดลูก: เช่น เนื้องอกมดลูกหรือมะเร็งปากมดลูก
• การติดเชื้อ: เช่น โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์หรือโรคอักเสบในอุ้งเชิงกราน
• การใช้ยาบางชนิด: เช่น ยาคุมกำเนิดหรือยาต้านการแข็งตัวของเลือด
• ภาวะห้ามเลือดผิดปกติ: เช่น โรคเกล็ดเลือดต่ำหรือภาวะเลือดออกผิดปกติจากกรรมพันธุ์

การรักษา

การรักษาภาวะประจำเดือนมาไม่หยุดจะขึ้นอยู่กับสาเหตุที่พบ โดยอาจมีแนวทางการรักษาได้ดังนี้

• การปรับระดับฮอร์โมน: โดยการใช้ยาคุมกำเนิดหรือฮอร์โมนเสริม
• การผ่าตัด: ในกรณีที่มีความผิดปกติของมดลูก เช่น เนื้องอกมดลูก
• การรักษาการติดเชื้อ: โดยการใช้ยาปฏิชีวนะ
• การหยุดใช้ยา: หากมีเลือดออกจากผลข้างเคียงของยาบางชนิด
• การให้เลือด: ในกรณีที่เลือดออกมากและไม่สามารถหยุดได้เอง

การดูแลตนเอง

นอกจากการรักษาทางการแพทย์แล้ว ยังมีวิธีการดูแลตนเองเพื่อช่วยบรรเทาอาการได้ เช่น

• พักผ่อนให้เพียงพอ
• หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายที่รุนแรง
• รับประทานอาหารที่มีประโยชน์
• ลดความเครียด
• ใช้ผ้าอนามัยแบบสอดหรือผ้าอนามัยแบบแผ่นขนาดใหญ่เพื่อซับเลือดออก

หากพบว่ามีเลือดออกทางช่องคลอดผิดปกติ ไม่ว่าจะเป็นประจำเดือนมาไม่หยุดหรือมีเลือดออกนอกรอบ ควรพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุและรับการรักษาที่เหมาะสมโดยเร็วที่สุด เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นได้ในอนาคต