ปากนกกระจอก กับ เริม ต่างกันอย่างไร

ปากนกกระจอกกับเริม: แผลที่ปาก แตกต่างกันอย่างไร?

แม้จะเกิดขึ้นบริเวณปากเหมือนกัน แต่ “ปากนกกระจอก” และ “เริม” นั้นมีสาเหตุ วิธีการรักษา และลักษณะอาการที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง การเข้าใจความแตกต่างนี้สำคัญอย่างยิ่งต่อการดูแลรักษาตัวเองให้ถูกต้องและหายได้อย่างรวดเร็ว อย่าปล่อยให้ความคล้ายคลึงกันสร้างความสับสนจนนำไปสู่การรักษาผิดวิธี

ปากนกกระจอก: มักถูกเรียกว่า “เชื้อราที่มุมปาก” เพราะสาเหตุหลักมาจากการติดเชื้อรา Candida albicans ซึ่งเป็นเชื้อราชนิดเดียวกับที่ทำให้เกิดเชื้อราในช่องคลอด แม้ชื่อจะฟังดูน่ากลัว แต่ปากนกกระจอกมักไม่ใช่โรคที่ร้ายแรง เพียงแต่อาจสร้างความรำคาญและเจ็บปวดได้ ลักษณะเด่นของปากนกกระจอกคือรอยโรคที่มุมปาก โดยมักเริ่มจากรอยแดง บวม และแตก บางครั้งอาจมีอาการคันร่วมด้วย ในรายที่เป็นมาก รอยแตกอาจลึกและมีเลือดออก ทำให้เจ็บปวดเวลากินอาหารหรืออ้าปาก ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดปากนกกระจอกได้แก่ การเลียริมฝีปากบ่อยๆ การใส่ฟันปลอมที่ไม่พอดี ภาวะขาดสารอาหารบางชนิด และระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ

เริม: เกิดจากการติดเชื้อไวรัสเริม โดยเฉพาะ Herpes simplex virus type 1 (HSV-1) ซึ่งเป็นไวรัสที่ติดต่อได้ง่ายผ่านการสัมผัสโดยตรง เช่น การจูบ การใช้ของใช้ส่วนตัวร่วมกัน อาการของเริมที่ปากมักเริ่มจากอาการคัน ยิบๆ หรือปวดแสบปวดร้อน ก่อนที่จะปรากฏเป็นตุ่มน้ำใสเล็กๆ เป็นกลุ่ม คล้ายโรคอีสุกอีใส ตุ่มน้ำเหล่านี้อาจแตกออกและกลายเป็นแผลตกสะเก็ดได้ เริมมักหายได้เองภายใน 1-2 สัปดาห์ แต่ไวรัสจะยังคงอยู่ในร่างกายและอาจกลับมาเป็นซ้ำได้อีก โดยเฉพาะเมื่อร่างกายอ่อนแอ เครียด หรือพักผ่อนไม่เพียงพอ

ตารางเปรียบเทียบ ปากนกกระจอก และ เริม:

การสังเกตความแตกต่างระหว่างปากนกกระจอกและเริมจึงเป็นสิ่งสำคัญ หากไม่แน่ใจ ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรเพื่อรับการวินิจฉัยและการรักษาที่ถูกต้อง อย่าซื้อยามาทับเอง เพราะอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงหรืออาการแย่ลงได้