ป่วยแบบไหนต้องกินยาฆ่าเชื้อ
ผู้ที่มีอาการติดเชื้อแบคทีเรีย เช่น ไอ มีเสมหะ มูกเหลืองเขียว คอแดง เจ็บคอมีหนอง อาจจำเป็นต้องใช้ยาฆ่าเชื้อ
โรคใดบ้างที่ต้องใช้ยาฆ่าเชื้อ
ยาฆ่าเชื้อหรือยาปฏิชีวนะเป็นยาที่ใช้ในการรักษาการติดเชื้อแบคทีเรีย ยาฆ่าเชื้อจะทำลายหรือยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย โดยทั่วไปแล้ว ยาฆ่าเชื้อจะไม่สามารถกำจัดเชื้อไวรัส เชื้อรา หรือปรสิตได้
แพทย์จะสั่งให้ใช้ยาฆ่าเชื้อเมื่อมีการติดเชื้อแบคทีเรียที่รุนแรงหรือมีโอกาสลุกลามสูง อาการของการติดเชื้อแบคทีเรีย ได้แก่
- ไอ มีเสมหะ
- มูกสีเหลืองหรือเขียว
- คอแดง
- เจ็บคอมีหนอง
- มีไข้
- หนาวสั่น
- รู้สึกอ่อนเพลีย
- ปวดเมื่อยตามตัว
- ปัสสาวะแสบขัด
- ท้องเสีย
โรคทั่วไปที่อาจจำเป็นต้องใช้ยาฆ่าเชื้อ ได้แก่
- ปอดอักเสบ
- หูชั้นกลางอักเสบ
- ไซนัสอักเสบ
- หลอดลมอักเสบ
- ติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ
- ติดเชื้อผิวหนังและแผล
โปรดจำไว้ว่าไม่ใช่ทุกอาการเหล่านี้จะต้องได้รับการรักษาด้วยยาฆ่าเชื้อเสมอ แพทย์จะพิจารณาอาการของผู้ป่วย ประวัติทางการแพทย์ และผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการเพื่อตัดสินใจว่าจำเป็นต้องใช้ยาฆ่าเชื้อหรือไม่
การใช้ยาฆ่าเชื้ออย่างไม่จำเป็นหรือใช้ผิดวิธีอาจส่งผลให้เกิดการดื้อยาได้ การดื้อยาเกิดขึ้นเมื่อแบคทีเรียพัฒนากลไกในการต่อต้านยาฆ่าเชื้อ ทำให้ยานั้นไม่ได้ผลอีกต่อไป เพื่อหลีกเลี่ยงการดื้อยา จึงควรใช้ยาฆ่าเชื้อตามคำสั่งของแพทย์อย่างเคร่งครัด และไม่แบ่งยาหรือใช้ยาฆ่าเชื้อที่เหลืออยู่ของผู้อื่น
#ยาฆ่าเชื้อ#รักษาโรค#โรคติดเชื้อข้อเสนอแนะสำหรับคำตอบ:
ขอบคุณที่ให้ข้อเสนอแนะ! ข้อเสนอแนะของคุณมีความสำคัญต่อการปรับปรุงคำตอบในอนาคต