ผื่นคัน เกาแล้วลามเกิดจากอะไร

ผื่นคัน เกาแล้วลาม: ปริศนาบนผิวหนังที่ไม่ควรมองข้าม

อาการผื่นคันเป็นเรื่องที่พบได้ทั่วไป แต่เมื่อเกิดอาการคันอย่างรุนแรงและลุกลามออกไปเรื่อยๆหลังจากการเกา นั่นอาจบ่งบอกถึงปัญหาผิวหนังที่ซับซ้อนกว่าที่คิด การเกาที่ดูเหมือนจะบรรเทาอาการในช่วงแรก กลับกลายเป็นการเร่งให้ผื่นลามกระจาย และอาจนำไปสู่การติดเชื้อหรืออาการแทรกซ้อนอื่นๆได้ ดังนั้น การทำความเข้าใจสาเหตุและวิธีรับมือจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง

ผื่นคันที่เกาแล้วลาม ไม่ได้มีสาเหตุมาจากปัจจัยเดียว แต่มีหลายปัจจัยที่เกี่ยวข้อง อาทิ:

1. การติดเชื้อ: นี่คือสาเหตุที่พบบ่อยที่สุด โดยเฉพาะ:

• เชื้อรา: โรคกลาก (Tinea) เป็นโรคผิวหนังที่เกิดจากเชื้อรา มักมีลักษณะเป็นผื่นแดง ขอบชัดเจน มีขุย คันอย่างมาก และลามกระจายได้ง่ายหากเกา โดยเฉพาะบริเวณที่มีความชื้นสูง เช่น รอบๆขาหนีบ รักแร้ หรือระหว่างนิ้วเท้า นอกจากนี้ยังอาจพบในหนังศีรษะหรือลำตัวได้เช่นกัน

• เชื้อแบคทีเรีย: การติดเชื้อแบคทีเรียที่ผิวหนัง เช่น โรคสะเก็ดเงิน (Psoriasis) หรือโรคผิวหนังอักเสบติดเชื้อ อาจทำให้เกิดผื่นแดง บวม มีหนอง และคันอย่างรุนแรง การเกาจะทำให้เชื้อแพร่กระจายและลามไปยังบริเวณอื่นๆได้ อาการอาจรุนแรงขึ้นหากไม่ได้รับการรักษาที่ถูกต้อง

• การติดเชื้อปรสิต: แมลงบางชนิด เช่น หมัด เหา หรือไรฝุ่น สามารถทำให้เกิดอาการคันและผื่นแดง และการเกาจะยิ่งทำให้เกิดการระคายเคืองมากขึ้น และอาจนำไปสู่การติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อนได้

2. ปฏิกิริยาแพ้: การสัมผัสกับสารก่อภูมิแพ้บางชนิด เช่น สารเคมีในเครื่องสำอาง สบู่ หรือโลชั่น หรือแม้แต่สารสัมผัสในสิ่งแวดล้อม ก็อาจทำให้เกิดผื่นคัน และการเกาจะยิ่งทำให้เกิดการระคายเคือง ทำให้ผื่นลามและอาการรุนแรงขึ้น

3. โรคผิวหนังอื่นๆ: โรคผิวหนังบางชนิด เช่น โรคผื่นภูมิแพ้ (Atopic dermatitis) หรือโรคสะเก็ดเงิน (Psoriasis) ก็อาจมีอาการคัน และการเกาจะยิ่งทำให้ผื่นลามและอาการแย่ลง

4. ปัจจัยอื่นๆ: ความเครียด การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน หรือการขาดสารอาหาร ก็อาจมีส่วนทำให้เกิดผื่นคันและทำให้แย่ลงได้

สิ่งที่ควรทำเมื่อพบอาการผื่นคันที่เกาแล้วลาม:

• หลีกเลี่ยงการเกา: นี่คือสิ่งสำคัญที่สุด การเกาจะยิ่งทำให้ผื่นลาม และอาจนำไปสู่การติดเชื้อ ควรตัดเล็บให้สั้น และใช้ผ้าเย็นประคบเพื่อบรรเทาอาการคัน

• ปรึกษาแพทย์: อย่าปล่อยให้ผื่นคันลุกลาม ควรไปพบแพทย์เพื่อวินิจฉัยสาเหตุและได้รับการรักษาที่ถูกต้อง แพทย์อาจทำการตรวจผิวหนัง หรืออาจทำการตรวจเพิ่มเติมเพื่อหาสาเหตุของการเกิดผื่นคัน

• ทำความสะอาดบริเวณที่เป็นผื่น: ใช้สบู่อ่อนๆ และน้ำสะอาดล้างบริเวณที่เป็นผื่น ควรเช็ดให้แห้งอย่างเบามือ

การรักษาจะขึ้นอยู่กับสาเหตุที่แท้จริง แพทย์อาจให้ยาต้านเชื้อรา ยาต้านแบคทีเรีย หรือครีมทาเพื่อบรรเทาอาการคันและลดการอักเสบ ในบางกรณี อาจจำเป็นต้องใช้ยาแก้แพ้ หรือยาอื่นๆ เพื่อควบคุมอาการ

บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ความรู้เบื้องต้นเท่านั้น ไม่สามารถใช้ทดแทนคำแนะนำจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญได้ หากมีอาการผื่นคันที่รุนแรงหรือลุกลาม ควรไปพบแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยและการรักษาที่เหมาะสมต่อไป