ฝ่ามือบวมเกิดจากอะไร

5 การดู

มือบวมอาจเกิดจากการสะสมของเหลวในเนื้อเยื่อ ซึ่งอาจมีสาเหตุจากอาหารเค็ม, การออกกำลังกาย, หรือแม้แต่โรคบางชนิด อาการนี้สร้างความรู้สึกไม่สบาย แต่ส่วนใหญ่มักไม่ร้ายแรง อย่างไรก็ตาม หากอาการบวมเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและรุนแรง หรือมีอาการอื่นๆ ร่วมด้วย ควรรีบปรึกษาแพทย์เพื่อวินิจฉัยและรับการรักษาที่เหมาะสม

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

ฝ่ามือบวม: สัญญาณเตือนเล็กๆ ที่ไม่ควรมองข้าม

ฝ่ามือบวม อาจเป็นเรื่องเล็กน้อยที่หลายคนมองข้าม แต่ความจริงแล้วอาการบวมที่มือ โดยเฉพาะบริเวณฝ่ามือ อาจบ่งบอกถึงปัญหาสุขภาพที่ซ่อนอยู่ได้ ตั้งแต่เรื่องเล็กน้อยไปจนถึงภาวะที่ร้ายแรง ความเข้าใจสาเหตุของอาการบวมจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อที่จะได้ดูแลตัวเองอย่างถูกต้องและทันท่วงที

อาการบวมที่ฝ่ามือ เกิดจากการสะสมของเหลวส่วนเกินในเนื้อเยื่อ ซึ่งมีปัจจัยกระตุ้นหลากหลาย ตั้งแต่พฤติกรรมประจำวันไปจนถึงโรคภัยไข้เจ็บ ลองมาสำรวจสาเหตุที่พบบ่อยกัน

  • โซเดียมมากเกินไป: การรับประทานอาหารที่มีโซเดียมสูง เช่น อาหารแปรรูป อาหารแช่แข็ง บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ทำให้ร่างกายกักเก็บน้ำ ส่งผลให้เกิดอาการบวมน้ำได้ รวมถึงบวมที่ฝ่ามือด้วย
  • การออกกำลังกาย: แม้การออกกำลังกายจะเป็นสิ่งที่ดีต่อสุขภาพ แต่การออกกำลังกายอย่างหนัก โดยเฉพาะในสภาพอากาศร้อน อาจทำให้หลอดเลือดขยายตัว และของเหลวรั่วซึมเข้าไปในเนื้อเยื่อ ทำให้มือบวมได้ชั่วคราว โดยอาการมักจะหายไปเองเมื่อร่างกายเย็นลง
  • การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน: ในผู้หญิง ระดับฮอร์โมนที่ผันผวน เช่น ช่วงก่อนมีประจำเดือน หรือช่วงตั้งครรภ์ อาจทำให้เกิดอาการบวมน้ำได้ รวมถึงบวมที่มือและเท้า
  • การบาดเจ็บ: การบาดเจ็บที่มือ เช่น กระดูกหัก ข้อเคลื่อน หรือเนื้อเยื่ออักเสบ ล้วนทำให้เกิดอาการบวมได้
  • โรคบางชนิด: บางโรคอาจมีอาการมือบวมเป็นส่วนหนึ่งของอาการ เช่น โรคไต โรคหัวใจ โรคตับ โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ และโรคต่อมไทรอยด์ ดังนั้น หากอาการบวมไม่หายไปเอง หรือมีอาการอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น ปวด บวมแดง ร้อน ควรปรึกษาแพทย์ทันที
  • ยาบางชนิด: ยาบางชนิด เช่น ยาความดันโลหิต ยาต้านอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ และยาคุมกำเนิด อาจมีผลข้างเคียงทำให้เกิดอาการบวมน้ำได้

ถึงแม้ว่าอาการฝ่ามือบวมในหลายกรณีจะไม่เป็นอันตราย แต่การสังเกตอาการและเข้าใจสาเหตุที่เป็นไปได้ จะช่วยให้เราดูแลตัวเองได้อย่างเหมาะสม หากอาการบวมเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว รุนแรง หรือมีอาการอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น ปวด ชา รู้สึกอุ่นหรือร้อนบริเวณที่บวม ผิวหนังเปลี่ยนสี หายใจลำบาก หรือมีอาการบวมที่ใบหน้าและริมฝีปาก ควรไปพบแพทย์ทันทีเพื่อรับการวินิจฉัยและการรักษาที่ถูกต้อง อย่าปล่อยให้ความไม่สบายใจเล็กๆ กลายเป็นปัญหาสุขภาพใหญ่โตในภายหลัง