ภาวะหยุดหายใจขณะหลับกี่ครั้งถึงอันตราย

2 การดู

ภาวะหยุดหายใจขณะหลับเป็นภาวะที่ต้องได้รับการวินิจฉัยจากแพทย์ หากมีอาการดังต่อไปนี้ แนะนำให้ปรึกษาแพทย์ เพื่อประเมินความเสี่ยงและรับการตรวจวินิจฉัยที่ถูกต้อง ได้แก่ นอนกรนดังมาก หยุดหายใจในขณะหลับ ง่วงนอนตอนกลางวันมากผิดปกติ ปวดศีรษะตอนเช้า อาการหงุดหงิดและเหนื่อยล้า

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ: กี่ครั้งถึงอันตราย…และสัญญาณเตือนที่ต้องรู้

ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (Sleep Apnea) เป็นภัยเงียบที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพโดยรวมของเราอย่างคาดไม่ถึง หลายคนอาจมองข้ามอาการเริ่มต้น หรือคิดว่าเป็นเรื่องปกติของการนอนกรน แต่แท้จริงแล้ว ภาวะนี้อาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพร้ายแรงในระยะยาวได้

ทำไมการหยุดหายใจขณะหลับถึงอันตราย?

เมื่อเราหยุดหายใจขณะหลับ ร่างกายจะขาดออกซิเจนชั่วขณะ ทำให้หัวใจต้องทำงานหนักขึ้นเพื่อสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงส่วนต่างๆ นอกจากนี้ ยังส่งผลต่อการทำงานของสมอง ทำให้การนอนหลับไม่มีคุณภาพ ส่งผลเสียต่อสุขภาพในระยะยาว เช่น:

  • ความดันโลหิตสูง: ร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนความเครียดออกมาเมื่อขาดออกซิเจน ทำให้ความดันโลหิตสูงขึ้น
  • โรคหัวใจและหลอดเลือด: ภาวะขาดออกซิเจนซ้ำๆ กระตุ้นให้เกิดการอักเสบในหลอดเลือด ซึ่งเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือด
  • โรคเบาหวาน: การนอนหลับไม่เพียงพอส่งผลต่อการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ทำให้เสี่ยงต่อการเป็นโรคเบาหวาน
  • โรคหลอดเลือดสมอง (Stroke): ภาวะหยุดหายใจขณะหลับเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดลิ่มเลือดอุดตันในสมอง
  • อุบัติเหตุ: อาการง่วงนอนมากผิดปกติในเวลากลางวันจากการนอนหลับไม่เพียงพอ อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุขณะขับรถหรือทำงาน

แล้ว “กี่ครั้ง” ถึงเรียกว่าอันตราย?

ทางการแพทย์ใช้ค่าดัชนี Apnea-Hypopnea Index (AHI) เป็นตัวชี้วัดความรุนแรงของภาวะหยุดหายใจขณะหลับ โดย AHI คือจำนวนครั้งที่หยุดหายใจหรือหายใจแผ่ว (Hypopnea) ต่อชั่วโมงของการนอนหลับ:

  • AHI น้อยกว่า 5 ครั้ง/ชั่วโมง: ปกติ
  • AHI 5-15 ครั้ง/ชั่วโมง: ระดับเล็กน้อย (Mild)
  • AHI 15-30 ครั้ง/ชั่วโมง: ระดับปานกลาง (Moderate)
  • AHI มากกว่า 30 ครั้ง/ชั่วโมง: ระดับรุนแรง (Severe)

โดยทั่วไปแล้ว ภาวะหยุดหายใจขณะหลับที่มีค่า AHI ตั้งแต่ 15 ครั้งต่อชั่วโมงขึ้นไป ถือว่ามีความเสี่ยงต่อสุขภาพอย่างมีนัยสำคัญ และควรได้รับการรักษาอย่างจริงจัง

อย่ามองข้ามสัญญาณเตือนเหล่านี้!

แม้ว่าการตรวจ AHI จะเป็นวิธีที่แม่นยำที่สุดในการวินิจฉัยภาวะหยุดหายใจขณะหลับ แต่เราสามารถสังเกตอาการเบื้องต้นได้ด้วยตนเอง หากคุณมีอาการเหล่านี้ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัย:

  • นอนกรนดังมาก: โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้ามีคนบอกว่าคุณหยุดหายใจขณะนอนกรน
  • หยุดหายใจขณะหลับ: สังเกตได้จากอาการเงียบไปชั่วขณะแล้วสะดุ้งเฮือกเหมือนขาดอากาศ
  • ง่วงนอนมากผิดปกติในเวลากลางวัน: แม้จะนอนหลับครบ 7-8 ชั่วโมงแล้วก็ยังรู้สึกง่วง
  • ปวดศีรษะตอนเช้า: มักเกิดขึ้นเนื่องจากร่างกายขาดออกซิเจนขณะนอนหลับ
  • อาการหงุดหงิดและเหนื่อยล้า: การนอนหลับไม่เพียงพอส่งผลต่ออารมณ์และพลังงาน
  • ความจำไม่ดี: การนอนหลับไม่เพียงพอส่งผลต่อการทำงานของสมอง
  • ปัสสาวะบ่อยตอนกลางคืน: อาจเกิดจากความพยายามของร่างกายในการขับของเหลวส่วนเกิน

การวินิจฉัยและการรักษา

การวินิจฉัยภาวะหยุดหายใจขณะหลับทำได้โดยการตรวจการนอนหลับ (Polysomnography) ที่โรงพยาบาลหรือคลินิก การรักษาขึ้นอยู่กับความรุนแรงของอาการ อาจรวมถึง:

  • การปรับเปลี่ยนพฤติกรรม: เช่น ลดน้ำหนัก หลีกเลี่ยงการนอนหงาย งดดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่
  • เครื่องอัดอากาศแรงดันบวกต่อเนื่อง (CPAP): เป็นอุปกรณ์ที่ช่วยเปิดทางเดินหายใจขณะนอนหลับ
  • อุปกรณ์ทันตกรรม: ช่วยเลื่อนขากรรไกรล่างไปข้างหน้าเพื่อเปิดทางเดินหายใจ
  • การผ่าตัด: ในบางกรณีอาจจำเป็นต้องผ่าตัดเพื่อแก้ไขโครงสร้างทางเดินหายใจ

สรุป

ภาวะหยุดหายใจขณะหลับไม่ใช่แค่เรื่องของการนอนกรน แต่เป็นภัยเงียบที่ส่งผลร้ายต่อสุขภาพในระยะยาว การสังเกตอาการผิดปกติและปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยตั้งแต่เนิ่นๆ จะช่วยให้คุณได้รับการรักษาที่เหมาะสมและป้องกันปัญหาสุขภาพร้ายแรงที่อาจเกิดขึ้นได้ อย่าละเลยสัญญาณเตือนเล็กๆ น้อยๆ เพราะการนอนหลับที่มีคุณภาพคือพื้นฐานสำคัญของสุขภาพที่ดี