ภูมิคุ้มกันรับมา มีข้อดีข้อเสียอย่างไร

17 การดู

ภูมิคุ้มกันรับมา คือการได้รับภูมิคุ้มกันจากภายนอก เช่น การฉีดวัคซีน ข้อดีคือตอบสนองได้เร็วทันที และสร้างภูมิต้านทานต่อเชื้อโรคได้โดยไม่ต้องเจ็บป่วยก่อน แต่ข้อเสียคืออาจทำให้เกิดอาการแพ้ได้ และความคุ้มกันมีอายุการใช้งานจำกัด จึงจำเป็นต้องได้รับการกระตุ้นซ้ำเป็นระยะๆ เพื่อให้ภูมิคุ้มกันคงอยู่.

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

ภูมิคุ้มกันรับมา: ดาบสองคมแห่งการป้องกันโรค

ภูมิคุ้มกันเป็นกลไกสำคัญที่ร่างกายใช้ต่อสู้กับเชื้อโรคต่างๆ และหนึ่งในกลไกที่น่าสนใจและมีการนำมาใช้ประโยชน์อย่างแพร่หลายคือ “ภูมิคุ้มกันรับมา” (Passive Immunity) ซึ่งแตกต่างจากภูมิคุ้มกันที่ร่างกายสร้างขึ้นเอง (Active Immunity) อย่างสิ้นเชิง บทความนี้จะเจาะลึกถึงข้อดีและข้อเสียของภูมิคุ้มกันรับมา เพื่อให้ผู้อ่านเข้าใจอย่างถ่องแท้ถึงประโยชน์และข้อจำกัดของวิธีการสร้างภูมิคุ้มกันแบบนี้

ภูมิคุ้มกันรับมา คือการได้รับแอนติบอดี (Antibody) หรือสารที่ช่วยต่อต้านเชื้อโรคสำเร็จรูปจากภายนอกร่างกาย ไม่ใช่การที่ร่างกายสร้างแอนติบอดีขึ้นเอง วิธีการที่พบได้บ่อยที่สุดคือการได้รับแอนติบอดีจาก:

  • การถ่ายเลือดที่มีแอนติบอดี: การให้เลือดจากผู้ที่มีแอนติบอดีต่อเชื้อโรคเฉพาะเจาะจง สามารถช่วยผู้ป่วยที่ติดเชื้อได้อย่างรวดเร็ว
  • การใช้เซรุ่มภูมิคุ้มกัน (Immune Serum): เซรุ่มนี้ประกอบด้วยแอนติบอดีที่สกัดจากสัตว์หรือมนุษย์ที่เคยได้รับเชื้อโรคนั้นแล้ว ทำให้ร่างกายได้รับการป้องกันได้ทันที
  • การได้รับแอนติบอดีจากแม่สู่ลูก: แอนติบอดีจากแม่จะถูกส่งผ่านรกไปยังทารกในครรภ์ และผ่านทางน้ำนมแม่ ช่วยปกป้องทารกจากโรคต่างๆ ในช่วงแรกเกิด

ข้อดีของภูมิคุ้มกันรับมา:

  • การตอบสนองที่รวดเร็ว: ต่างจากภูมิคุ้มกันที่ร่างกายสร้างเองซึ่งต้องใช้เวลาในการสร้างแอนติบอดี ภูมิคุ้มกันรับมาให้การป้องกันได้ทันที เหมาะสำหรับกรณีฉุกเฉินเช่นการติดเชื้อร้ายแรง
  • การป้องกันโรคได้โดยไม่ต้องเจ็บป่วย: การสร้างภูมิคุ้มกันแบบแอคทีฟต้องผ่านการติดเชื้อก่อน ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการเจ็บป่วยได้ แต่ภูมิคุ้มกันรับมาช่วยป้องกันโรคได้โดยไม่ต้องเจ็บป่วย
  • การปกป้องกลุ่มเสี่ยง: ผู้ที่มีระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ เช่น ผู้ป่วยโรคมะเร็ง หรือผู้ที่รับยากดภูมิคุ้มกัน สามารถได้รับประโยชน์จากภูมิคุ้มกันรับมาเพื่อป้องกันโรคร้ายแรง

ข้อเสียของภูมิคุ้มกันรับมา:

  • ระยะเวลาการป้องกันจำกัด: แอนติบอดีที่ได้รับจากภายนอกจะไม่คงอยู่ในร่างกายตลอดไป การป้องกันจึงมีอายุสั้น อาจต้องได้รับการกระตุ้นซ้ำหรือได้รับแอนติบอดีเพิ่มเติม
  • ความเสี่ยงต่ออาการแพ้: การได้รับแอนติบอดีจากภายนอกอาจทำให้เกิดอาการแพ้ได้ เช่น ผื่นคัน หรืออาการแพ้รุนแรง (anaphylaxis) จึงต้องมีการตรวจสอบประวัติแพ้ก่อนรับการรักษา
  • ความเสี่ยงจากเชื้อโรคในสารที่ใช้: หากกระบวนการผลิตเซรุ่มหรือสารอื่นๆ ที่ใช้ในการถ่ายทอดภูมิคุ้มกันไม่สะอาด อาจมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้ออื่นๆ ได้
  • ไม่มีความจำภูมิคุ้มกัน: ร่างกายไม่ได้จดจำเชื้อโรคและไม่สร้างเซลล์เมมโมรี่ จึงไม่สามารถสร้างภูมิคุ้มกันระยะยาวได้เหมือนกับภูมิคุ้มกันแบบแอคทีฟ

สรุปแล้ว ภูมิคุ้มกันรับมาเป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์อย่างมากในการป้องกันโรค โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานการณ์ฉุกเฉินหรือในกลุ่มบุคคลที่มีความเสี่ยงสูง แต่การใช้ภูมิคุ้มกันรับมาก็มาพร้อมกับข้อจำกัดและความเสี่ยงที่ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ การตัดสินใจใช้ภูมิคุ้มกันรับมาควรอยู่บนพื้นฐานของการประเมินความเสี่ยงและประโยชน์อย่างถี่ถ้วนโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ