ระยะของเบาหวานขึ้นตามีกี่ระยะ

เบาหวานขึ้นตา: ไต่ระดับความรุนแรง สู่ ภาวะไร้เงา

โรคเบาหวาน นอกจากจะเป็นภัยเงียบที่คุกคามสุขภาพโดยรวมแล้ว ยังแฝงอันตรายต่อดวงตา ก่อให้เกิด “ภาวะเบาหวานขึ้นตา” ซึ่งเป็นภาวะแทรกซ้อนที่พบได้บ่อย และอาจนำไปสู่การสูญเสียการมองเห็นได้ในที่สุด

แม้ภาวะเบาหวานขึ้นตาจะฟังดูน่ากลัว แต่ข่าวดีคือ เราสามารถรับมือและชะลอความรุนแรงของโรคได้ หากเข้าใจถึงระยะของโรค และเข้ารับการรักษาอย่างถูกต้องและทันท่วงที

แพทย์จักษุวิทยา แบ่งระดับความรุนแรงของภาวะเบาหวานขึ้นตา ออกเป็น 2 ระยะหลักๆ ดังนี้

1. ระยะเริ่มต้น: เงียบเชียบ แต่แฝงอันตราย

ในระยะนี้ ผู้ป่วยมักจะยังไม่มีความผิดปกติของการมองเห็น และไม่แสดงอาการใดๆ ออกมา ทำให้หลายคนอาจไม่ทราบว่าตนเองกำลังเผชิญกับภาวะเบาหวานขึ้นตาอยู่ อย่างไรก็ตาม ภายในดวงตาได้เริ่มเกิดความเปลี่ยนแปลงแล้ว โดยหลอดเลือดขนาดเล็กที่เลี้ยงจอประสาทตาเริ่มมีความผิดปกติ

การตรวจพบภาวะเบาหวานขึ้นตาในระยะเริ่มต้น จึงจำเป็นต้องพึ่งพา “การตรวจตาเฉพาะทาง” เช่น การตรวจจอประสาทตาโดยการหยดขยายม่านตา และการถ่ายภาพจอประสาทตา ซึ่งจะช่วยให้จักษุแพทย์สามารถมองเห็นความผิดปกติของหลอดเลือดที่จอประสาทตาได้อย่างละเอียด

2. ระยะที่มีความผิดปกติของหลอดเลือดที่จอประสาทตา: สัญญาณเตือนภัยร้ายแรง

เมื่อภาวะเบาหวานขึ้นตาก้าวเข้าสู่ระยะนี้ หลอดเลือดที่จอประสาทตาจะเกิดความเสียหายอย่างชัดเจน อาจมีเลือดออก หรือของเหลวรั่วซึมออกมา ซึ่งส่งผลกระทบต่อการมองเห็นโดยตรง ผู้ป่วยมักมีอาการมองเห็นภาพพร่ามัว มองเห็นจุดดำลอยไปมา หรือมองเห็นภาพบิดเบี้ยว

ในระยะนี้ จักษุแพทย์จะพิจารณาให้การรักษาที่จำเป็น เช่น การยิงเลเซอร์ การฉีดยาเข้าตา หรือการผ่าตัด เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงยิ่งขึ้น เช่น จอประสาทตาหลุดลอก เส้นเลือดในตาอุดตัน หรือสูญเสียการมองเห็นอย่างถาวร

การป้องกันและดูแลตัวเอง

การป้องกันย่อมดีกว่าการแก้ไขเสมอ สำหรับภาวะเบาหวานขึ้นตา เราสามารถดูแลตัวเองเพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดโรค และชะลอความรุนแรงของโรคได้ ดังนี้

• ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ความดันโลหิต และไขมันในเลือดให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ
• งดสูบบุหรี่
• รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพตา
• ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
• ตรวจสุขภาพตาอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง โดยเฉพาะผู้ป่วยเบาหวาน

แม้ภาวะเบาหวานขึ้นตาจะเป็นภัยคุกคามร้ายแรงต่อดวงตา แต่เราสามารถต่อกรกับมันได้ด้วยความรู้ ความเข้าใจ และการดูแลสุขภาพอย่างใส่ใจ เพื่อปกป้อง “หน้าต่างแห่งดวงวิญญาณ” คู่นี้ให้อยู่กับเราไปนานเท่านาน