รู้ได้ไงว่าเป็นไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A

สัญญาณเตือนภัย! รู้จักไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A และเมื่อไหร่ควรพบแพทย์

ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A เป็นโรคติดเชื้อทางเดินหายใจที่เกิดจากไวรัสอินฟลูเอนซาเอ ซึ่งสามารถแพร่กระจายได้ง่ายและรวดเร็วผ่านการไอ จาม และการสัมผัสสารคัดหลั่งจากผู้ติดเชื้อ แม้ว่าอาการของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A อาจคล้ายกับไข้หวัดทั่วไป แต่ความรุนแรงและภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นได้นั้นไม่ควรมองข้าม การรู้เท่าทันสัญญาณเตือนภัยและเข้ารับการรักษาอย่างทันท่วงทีจึงเป็นสิ่งสำคัญ

ถึงแม้จะไม่มีวิธีการวินิจฉัยไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A ได้ด้วยตนเองที่บ้าน แต่การสังเกตอาการเบื้องต้นสามารถช่วยให้เราประเมินความเสี่ยงและตัดสินใจเข้ารับการตรวจจากแพทย์ได้อย่างรวดเร็ว โดยอาการที่มักพบในผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A ได้แก่:

• ไข้สูงฉับพลัน: อุณหภูมิร่างกายอาจสูงถึง 38-40 องศาเซลเซียส แตกต่างจากไข้หวัดทั่วไปที่มักมีไข้ต่ำกว่า
• ปวดเมื่อยตามร่างกายอย่างรุนแรง: โดยเฉพาะกล้ามเนื้อบริเวณหลัง แขน และขา รู้สึกอ่อนเพลียอย่างมากจนอาจทำกิจวัตรประจำวันได้ลำบาก
• อาการทางระบบทางเดินหายใจ: เช่น ไอแห้งๆ เจ็บคอ คัดจมูก น้ำมูกไหล บางรายอาจมีอาการหายใจลำบากหรือหอบเหนื่อยร่วมด้วย
• อาการอื่นๆ: เช่น ปวดศีรษะ หนาวสั่น เบื่ออาหาร บางรายอาจมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน หรือท้องเสียร่วมด้วย แต่ไม่ใช่ทุกคนที่จะมีอาการเหล่านี้

สิ่งสำคัญที่ต้องเน้นย้ำคือ อาการเหล่านี้ไม่ได้ยืนยันว่าเป็นไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A เสมอไป โรคอื่นๆ ก็อาจมีอาการคล้ายคลึงกันได้ ดังนั้น หากคุณมีอาการดังกล่าว โดยเฉพาะหากมีไข้สูงและปวดเมื่อยตามร่างกายอย่างรุนแรง ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยที่ถูกต้อง แพทย์จะทำการตรวจร่างกายและอาจพิจารณาส่งตรวจเพิ่มเติม เช่น การตรวจหาเชื้อไวรัส เพื่อยืนยันการติดเชื้อและให้การรักษาที่เหมาะสม

การไปพบแพทย์โดยเร็วเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง โดยเฉพาะในกลุ่มเสี่ยง เช่น เด็กเล็ก ผู้สูงอายุ สตรีมีครรภ์ ผู้ที่มีโรคประจำตัวเรื้อรัง เช่น โรคหัวใจ โรคปอด โรคเบาหวาน โรคไต และผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง เนื่องจากกลุ่มเสี่ยงเหล่านี้มีโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนรุนแรงจากไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A ได้มากกว่า การรักษาตั้งแต่เริ่มต้นจึงช่วยลดความเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อนและเพิ่มโอกาสในการหายป่วยได้อย่างรวดเร็วและปลอดภัย