สังคัง กับ กลาก เหมือนกันไหม

7 การดู

กลากหรือเชื้อราผิวหนังนั้นแพร่กระจายได้ง่าย อาการเริ่มต้นมักเป็นผื่นแดงคัน มีขอบชัดเจนและอาจมีสะเก็ดลอก การรักษาขึ้นอยู่กับชนิดและความรุนแรงของกลาก ควรพบแพทย์หากอาการไม่ดีขึ้น หรือมีอาการรุนแรง เช่น มีแผลเปิดหรือมีไข้ร่วมด้วย การรักษาความสะอาดและแห้งของผิวหนังสำคัญมากในการป้องกันการเกิดกลากซ้ำ

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

สังคังกับกลาก: ความแตกต่างที่คุณอาจมองข้าม

หลายคนมักสับสนระหว่าง “สังคัง” กับ “กลาก” เนื่องจากอาการบางประการอาจดูคล้ายคลึงกัน ทั้งสองอย่างล้วนเป็นโรคผิวหนังที่ทำให้เกิดความรำคาญ แต่ความจริงแล้ว สังคังและกลากเป็นโรคที่มีสาเหตุและลักษณะแตกต่างกันอย่างชัดเจน การเข้าใจความแตกต่างนี้สำคัญต่อการรักษาที่ถูกต้องและมีประสิทธิภาพ

กลาก (Ringworm หรือ Tinea) คือโรคผิวหนังที่เกิดจากเชื้อรา โดยเชื้อราเหล่านี้สามารถเข้าสู่ร่างกายได้หลายทาง เช่น การสัมผัสกับสัตว์เลี้ยงที่เป็นโรค การใช้สิ่งของร่วมกับผู้ป่วย หรือการสัมผัสกับพื้นผิวที่เปียกชื้นและมีเชื้อราปนเปื้อน อาการเด่นของกลากคือผื่นแดงที่มีขอบเขตชัดเจน มักเป็นวงกลมหรือวงรี ผิวหนังบริเวณนั้นอาจมีอาการคัน ลอกเป็นสะเก็ด หรือมีตุ่มน้ำใส กลากสามารถเกิดขึ้นได้ตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย เช่น หนังศีรษะ ลำตัว ขาหนีบ หรือเท้า และชนิดของกลากจะแตกต่างกันไปตามตำแหน่งที่เกิด

สังคัง (Impetigo) เป็นโรคผิวหนังติดเชื้อแบคทีเรีย มักเกิดจากเชื้อแบคทีเรียสกุล Staphylococcus หรือ Streptococcus การติดเชื้อมักเริ่มจากรอยถลอกเล็กๆ หรือรอยแผลเปิด จากนั้นเชื้อแบคทีเรียจะแพร่กระจายและก่อให้เกิดแผลพุพอง มีน้ำเหลืองหรือหนอง ผิวหนังบริเวณที่เป็นแผลอาจมีสีเหลืองหรือน้ำตาล และอาจมีสะเก็ดสีน้ำตาลแห้งๆ ปกคลุม สังคังมักไม่เป็นวงกลมเหมือนกลาก และอาการคันอาจน้อยกว่าหรือไม่มีเลย การติดต่อสามารถเกิดขึ้นได้จากการสัมผัสโดยตรงกับแผลหรือของเหลวจากแผล

สรุปความแตกต่างหลัก:

ลักษณะ กลาก (Ringworm) สังคัง (Impetigo)
สาเหตุ เชื้อรา เชื้อแบคทีเรีย
ลักษณะแผล ผื่นแดงเป็นวง อาจมีสะเก็ดลอก คันมาก แผลพุพอง มีน้ำเหลืองหรือหนอง อาจมีสะเก็ดสีน้ำตาล คันน้อยหรือไม่คัน
การแพร่กระจาย สัมผัสสิ่งของร่วม สัตว์เลี้ยง สัมผัสโดยตรงกับแผลหรือของเหลวจากแผล

ทั้งกลากและสังคังจำเป็นต้องได้รับการรักษาอย่างถูกต้อง หากคุณสงสัยว่าตัวเองเป็นโรคผิวหนังใด ควรไปพบแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังเพื่อรับการวินิจฉัยและรักษาที่เหมาะสม การรักษาด้วยตนเองอาจทำให้โรคลุกลามและยากต่อการรักษาได้ การรักษาความสะอาดของร่างกายและสิ่งแวดล้อมก็เป็นสิ่งสำคัญในการป้องกันการเกิดโรคผิวหนังทั้งสองชนิดนี้

หมายเหตุ: บทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ความรู้เบื้องต้นเท่านั้น ไม่ใช่คำแนะนำทางการแพทย์ ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเสมอสำหรับการวินิจฉัยและการรักษาที่ถูกต้อง