อาการของโรคกระเพาะปัสสาวะติดเชื้อแบคทีเรียมีอะไรบ้าง

2 การดู

กระเพาะปัสสาวะอักเสบจากแบคทีเรีย มักเกิดในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย โดยเฉพาะเชื้ออีโคไลจากบริเวณทวารหนักที่ปนเปื้อนเข้าท่อปัสสาวะ สังเกตอาการปัสสาวะแสบขัด, ปัสสาวะขุ่น, ปัสสาวะบ่อยแต่ปริมาณน้อย หากมีอาการเหล่านี้ ควรรีบปรึกษาแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและการรักษาที่เหมาะสม

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

อย่ามองข้าม! รู้เท่าทันอาการของโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบจากแบคทีเรีย

โรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบจากแบคทีเรีย เป็นภาวะติดเชื้อทางเดินปัสสาวะที่พบได้บ่อย โดยเฉพาะในกลุ่มผู้หญิง สาเหตุหลักมาจากแบคทีเรีย ซึ่งมักเป็นเชื้อ Escherichia coli (อีโคไล) ที่อาศัยอยู่ในลำไส้ใหญ่ แพร่กระจายเข้าสู่ท่อปัสสาวะและกระเพาะปัสสาวะ ทำให้เกิดการอักเสบและส่งผลให้เกิดอาการต่างๆ ที่หากมองข้ามอาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนร้ายแรงได้

แม้ว่าอาการจะดูเหมือนไม่รุนแรง แต่การรู้จักอาการตั้งแต่เนิ่นๆ จะช่วยให้คุณเข้ารับการรักษาได้อย่างทันท่วงที และป้องกันไม่ให้โรคแพร่กระจายไปยังอวัยวะอื่นๆ อาการที่บ่งชี้ว่าคุณอาจกำลังเผชิญกับโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบจากแบคทีเรีย มีดังนี้:

อาการที่พบบ่อย:

  • ปัสสาวะแสบขัด: นี่คืออาการเด่นชัดที่สุด ผู้ป่วยจะรู้สึกแสบร้อนหรือเจ็บปวดขณะปัสสาวะ บางรายอาจมีอาการปวดร้าวไปยังบริเวณอื่นๆ เช่น บริเวณอุ้งเชิงกราน
  • ปัสสาวะบ่อยแต่ปริมาณน้อย: คุณอาจรู้สึกอยากปัสสาวะบ่อยมากขึ้น แต่เมื่อปัสสาวะแต่ละครั้ง ปริมาณปัสสาวะจะน้อยกว่าปกติ
  • ปัสสาวะขุ่นหรือมีกลิ่นเหม็นผิดปกติ: ปัสสาวะอาจเปลี่ยนสี กลายเป็นขุ่น ขุ่นมัว หรือมีกลิ่นเหม็นฉุนกว่าปกติ ซึ่งเกิดจากการมีแบคทีเรียหรือสารตกค้างอยู่ในปัสสาวะ
  • ปัสสาวะมีเลือดปน: ในบางกรณี อาจพบเลือดปนอยู่ในปัสสาวะ ซึ่งบ่งชี้ถึงการอักเสบอย่างรุนแรง
  • ปวดท้องน้อยหรือบริเวณอุ้งเชิงกราน: อาการปวดมักจะเป็นแบบตุบๆ หรือปวดอย่างต่อเนื่อง และอาจรุนแรงขึ้นเมื่อปัสสาวะ

อาการที่อาจพบได้น้อยกว่า:

  • มีไข้และหนาวสั่น: เป็นอาการที่แสดงถึงการติดเชื้อที่รุนแรงขึ้น
  • อ่อนเพลียและเหนื่อยล้า: ร่างกายอาจตอบสนองต่อการติดเชื้อด้วยอาการอ่อนเพลีย ทำให้รู้สึกเหนื่อยล้าผิดปกติ

หากคุณมีอาการดังกล่าวข้างต้น ควรปรึกษาแพทย์โดยเร็วที่สุด แพทย์จะทำการตรวจร่างกาย ตรวจปัสสาวะเพื่อหาเชื้อแบคทีเรีย และอาจทำการตรวจเพิ่มเติมอื่นๆ เพื่อยืนยันการวินิจฉัยและให้การรักษาที่เหมาะสม ซึ่งอาจรวมถึงการใช้ยาปฏิชีวนะ การดื่มน้ำมากๆ และการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อป้องกันการติดเชื้อซ้ำ

อย่าละเลยอาการเหล่านี้! การรักษาที่ทันท่วงทีจะช่วยลดความรุนแรงของโรค ป้องกันภาวะแทรกซ้อน และช่วยให้คุณกลับมามีสุขภาพที่ดีได้อย่างรวดเร็ว การป้องกันที่ดีที่สุดคือการรักษาสุขอนามัยที่ดี ดื่มน้ำให้เพียงพอ และปัสสาวะให้ทันทีเมื่อรู้สึกอยากปัสสาวะ เพื่อป้องกันไม่ให้แบคทีเรียสะสมอยู่ในท่อปัสสาวะ และนำไปสู่การติดเชื้อได้