อาการของโรคติดเชื้อในคอมีอะไรบ้าง

เจาะลึกอาการ “คอ” ที่มากกว่าแค่เจ็บ: สัญญาณเตือนจากเชื้อโรคที่ต้องจับตา

อาการเจ็บคอเป็นเรื่องที่ใครๆ ก็เคยเจอ แต่บ่อยครั้งที่เรามองข้ามสัญญาณเตือนเล็กๆ น้อยๆ ที่บ่งบอกว่าอาการเจ็บคอนั้นอาจไม่ได้เกิดจากแค่การระคายเคืองธรรมดา แต่อาจเป็นการติดเชื้อในคอที่ต้องการการดูแลรักษาอย่างเหมาะสม การเข้าใจถึงอาการที่แตกต่างกันของโรคติดเชื้อในคอจะช่วยให้เราสามารถสังเกตอาการได้อย่างทันท่วงที และเข้ารับการรักษาได้อย่างถูกต้อง

บทความนี้จะเจาะลึกถึงอาการของโรคติดเชื้อในคอที่ควรให้ความสนใจ นอกเหนือจากอาการเจ็บคอที่เราคุ้นเคยกันดี

อาการยอดฮิตที่ต้องระวัง:

• เจ็บคอ: อาการพื้นฐานที่อาจมีตั้งแต่เจ็บเล็กน้อยจนถึงเจ็บแสบกลืนอะไรไม่ได้
• กลืนลำบาก: รู้สึกเจ็บหรือติดขัดเมื่อกลืนอาหารหรือน้ำลาย
• เสียงแหบ: เสียงเปลี่ยนไป ฟังดูแหบพร่า หรืออาจไม่มีเสียงเลย
• ไอ: อาจเป็นไอแห้งๆ หรือไอมีเสมหะ
• มีไข้: อุณหภูมิร่างกายสูงขึ้น บ่งบอกถึงการต่อสู้ของร่างกายกับเชื้อโรค
• ปวดเมื่อยตามตัว: รู้สึกปวดเมื่อยกล้ามเนื้อเหมือนเป็นไข้หวัด
• อ่อนเพลีย: รู้สึกเหนื่อยล้า อ่อนแรง

สัญญาณเตือนที่บ่งบอกว่า “ไม่ใช่แค่เจ็บคอธรรมดา”:

• ต่อมทอนซิลบวมแดง: สังเกตเห็นต่อมทอนซิลมีขนาดใหญ่ขึ้นและมีสีแดงจัด
• มีหนองที่ทอนซิล: พบจุดหรือแผ่นสีขาวเหลืองบนต่อมทอนซิล
• ต่อมน้ำเหลืองบริเวณคอบวมโต: คลำเจอก้อนบวมที่บริเวณใต้คางหรือข้างคอ
• มีผื่นขึ้นตามตัว: โดยเฉพาะอย่างยิ่งผื่นแดงเล็กๆ ที่คล้ายกระดาษทราย
• ปวดหู: อาการเจ็บคออาจลามไปถึงหู ทำให้รู้สึกปวดหู

ชนิดของโรคติดเชื้อในคอที่พบบ่อย:

• คออักเสบจากเชื้อไวรัส: เป็นสาเหตุที่พบบ่อยที่สุด มักมีอาการคล้ายไข้หวัด เช่น เจ็บคอ ไอ มีน้ำมูก
• คออักเสบจากเชื้อแบคทีเรีย (Strep Throat): มักมีอาการเจ็บคออย่างรุนแรง กลืนลำบาก มีไข้สูง และอาจมีหนองที่ทอนซิล
• ทอนซิลอักเสบ: ต่อมทอนซิลบวมแดงและอาจมีหนอง มักมีอาการเจ็บคอ กลืนลำบาก และมีไข้
• โมโนนิวคลีโอสิส (Mononucleosis): โรคติดต่อที่เกิดจากเชื้อไวรัส มักมีอาการเจ็บคออย่างรุนแรง ต่อมน้ำเหลืองโต อ่อนเพลียมาก และอาจมีตับหรือม้ามโต

สิ่งที่ควรทำเมื่อสงสัยว่าติดเชื้อในคอ:

• พักผ่อนให้เพียงพอ: ร่างกายต้องการการพักผ่อนเพื่อฟื้นตัว
• ดื่มน้ำมากๆ: ช่วยให้คอชุ่มชื้นและลดอาการเจ็บคอ
• กลั้วคอด้วยน้ำเกลืออุ่นๆ: ช่วยลดอาการอักเสบและฆ่าเชื้อโรค
• ทานยาแก้ปวด: ช่วยบรรเทาอาการเจ็บคอและลดไข้
• หลีกเลี่ยงการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้อื่น: เพื่อป้องกันการแพร่กระจายเชื้อโรค
• ปรึกษาแพทย์: หากอาการไม่ดีขึ้นภายใน 2-3 วัน หรือมีอาการที่น่าสงสัย เช่น มีไข้สูง มีหนองที่ทอนซิล หรือกลืนลำบากมาก

ข้อควรระวัง:

• การใช้ยาปฏิชีวนะโดยไม่จำเป็น อาจทำให้เชื้อแบคทีเรียดื้อยาได้ ดังนั้นควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ยา
• การละเลยอาการเจ็บคอที่เกิดจากการติดเชื้อ อาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงได้ เช่น โรคไตอักเสบหรือโรคหัวใจรูห์มาติก

สรุป:

อาการเจ็บคออาจไม่ได้เป็นแค่เรื่องเล็กน้อยเสมอไป การสังเกตอาการและเข้าใจถึงสัญญาณเตือนต่างๆ จะช่วยให้เราสามารถแยกแยะอาการเจ็บคอที่เกิดจากการระคายเคืองธรรมดา ออกจากอาการเจ็บคอที่เกิดจากการติดเชื้อได้ เมื่อสงสัยว่าอาจมีการติดเชื้อในคอ ควรรีบปรึกษาแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและการรักษาที่เหมาะสม เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นได้ การดูแลสุขภาพช่องปากและลำคอให้ดีอยู่เสมอ เช่น การแปรงฟันและบ้วนปากเป็นประจำ จะช่วยลดความเสี่ยงในการติดเชื้อได้อีกด้วย