อาการของโรคไตอักเสบเรื้อรังมีอะไรบ้าง

2 การดู

โรคไตเรื้อรังอาจเริ่มต้นโดยไม่มีอาการ แต่เมื่อโรคลุกลาม อาจพบอาการเหนื่อยล้าง่าย บวมที่มือเท้า ความดันโลหิตสูง ปัสสาวะมีฟองผิดปกติ และผิวหนังคัน หากพบอาการเหล่านี้ ควรรีบพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยอย่างละเอียด

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

โรคไตอักเสบเรื้อรัง: ภัยเงียบที่ต้องเฝ้าระวัง อาการที่ควรรู้ และการรับมือ

โรคไตอักเสบเรื้อรัง หรือ Chronic Kidney Disease (CKD) เป็นภาวะที่ไตค่อยๆ เสื่อมสมรรถภาพลงอย่างช้าๆ เป็นระยะเวลานาน ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพโดยรวมอย่างร้ายแรง หากไม่ได้รับการวินิจฉัยและรักษาอย่างทันท่วงที ความน่ากลัวของโรคนี้คือในช่วงเริ่มต้นมักจะไม่มีอาการใดๆ แสดงออกมา ทำให้หลายคนละเลยและไม่รู้ตัวจนกระทั่งไตได้รับความเสียหายไปมากแล้ว

ทำไมต้องระวังโรคไตอักเสบเรื้อรัง?

ไตมีหน้าที่สำคัญในการกรองของเสียออกจากเลือด ควบคุมสมดุลของน้ำและเกลือแร่ในร่างกาย รวมถึงผลิตฮอร์โมนที่จำเป็นต่อการทำงานของร่างกาย เมื่อไตเสื่อมสมรรถภาพลง ของเสียจะสะสมในร่างกาย ส่งผลให้เกิดปัญหาสุขภาพต่างๆ ตามมา ไม่ว่าจะเป็นความดันโลหิตสูง ภาวะโลหิตจาง โรคกระดูกพรุน และเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือด

สัญญาณเตือนภัยเงียบ: อาการที่ควรรู้

แม้ว่าโรคไตอักเสบเรื้อรังในระยะแรกมักไม่มีอาการ แต่เมื่อโรคลุกลามมากขึ้น จะเริ่มแสดงอาการต่างๆ ที่ควรสังเกตดังนี้:

  • เหนื่อยล้าง่าย อ่อนเพลีย: เกิดจากการสะสมของเสียในร่างกาย และภาวะโลหิตจางที่มักพบในผู้ป่วยโรคไต
  • บวมตามร่างกาย: โดยเฉพาะบริเวณมือ เท้า และข้อเท้า เกิดจากการที่ไตไม่สามารถกำจัดน้ำส่วนเกินออกจากร่างกายได้
  • ความดันโลหิตสูง: ไตมีบทบาทสำคัญในการควบคุมความดันโลหิต เมื่อไตเสื่อมสมรรถภาพ จะส่งผลให้ความดันโลหิตสูงขึ้น
  • ปัสสาวะผิดปกติ: อาจมีปริมาณปัสสาวะมากหรือน้อยกว่าปกติ ปัสสาวะมีฟองมากผิดปกติ (เกิดจากโปรตีนรั่วในปัสสาวะ) หรือมีเลือดปนในปัสสาวะ
  • ผิวหนังแห้ง คัน: เกิดจากการสะสมของเสียในร่างกาย ทำให้ผิวหนังแห้งและคัน
  • เบื่ออาหาร คลื่นไส้ อาเจียน: เกิดจากการสะสมของเสียในร่างกาย ส่งผลต่อระบบทางเดินอาหาร
  • หายใจลำบาก: อาจเกิดจากภาวะน้ำท่วมปอด หรือภาวะโลหิตจางรุนแรง
  • ตะคริว: โดยเฉพาะในเวลากลางคืน เกิดจากความไม่สมดุลของเกลือแร่ในร่างกาย

นอกเหนือจากอาการที่กล่าวมา ยังมีสัญญาณอื่นๆ ที่อาจบ่งบอกถึงความผิดปกติของไต เช่น:

  • ปวดหลังบริเวณไต: อาจเป็นสัญญาณของภาวะไตอักเสบ หรือนิ่วในไต
  • มีกลิ่นปากคล้ายแอมโมเนีย: เกิดจากการสะสมของยูเรียในร่างกาย
  • สมาธิสั้น ความจำไม่ดี: เกิดจากการสะสมของเสียในร่างกาย ส่งผลต่อการทำงานของสมอง

สิ่งที่คุณควรทำหากสงสัยว่าตนเองมีอาการของโรคไตอักเสบเรื้อรัง

หากคุณมีอาการที่กล่าวมาข้างต้น หรือมีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคไต (เช่น มีประวัติครอบครัวเป็นโรคไต เป็นโรคเบาหวาน หรือความดันโลหิตสูง) ควรรีบปรึกษาแพทย์เพื่อทำการตรวจวินิจฉัยอย่างละเอียด การวินิจฉัยในระยะเริ่มต้นจะช่วยให้การรักษาเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และชะลอการลุกลามของโรคได้

การป้องกันสำคัญกว่าการรักษา

แม้ว่าโรคไตอักเสบเรื้อรังอาจเป็นภัยเงียบที่น่ากลัว แต่เราสามารถลดความเสี่ยงในการเกิดโรคได้ด้วยการดูแลสุขภาพให้แข็งแรงอยู่เสมอ โดย:

  • ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด: หากเป็นโรคเบาหวาน ควรควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม
  • ควบคุมความดันโลหิต: หากมีความดันโลหิตสูง ควรควบคุมให้อยู่ในระดับปกติ
  • ควบคุมน้ำหนัก: หลีกเลี่ยงภาวะน้ำหนักเกิน หรือโรคอ้วน
  • รับประทานอาหารที่มีประโยชน์: หลีกเลี่ยงอาหารที่มีรสเค็มจัด หวานจัด และมันจัด
  • ดื่มน้ำให้เพียงพอ: ช่วยให้ไตทำงานได้ดีขึ้น
  • ออกกำลังกายสม่ำเสมอ: ช่วยควบคุมน้ำหนักและความดันโลหิต
  • หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่: บุหรี่มีผลเสียต่อไต
  • ปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ยา: ยาบางชนิดอาจมีผลเสียต่อไต
  • ตรวจสุขภาพเป็นประจำ: โดยเฉพาะผู้ที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคไต

สรุป

โรคไตอักเสบเรื้อรังเป็นภัยเงียบที่ควรระมัดระวัง การสังเกตอาการผิดปกติของร่างกาย และการดูแลสุขภาพให้แข็งแรงอยู่เสมอ เป็นสิ่งสำคัญในการป้องกันและรับมือกับโรคนี้ หากคุณสงสัยว่าตนเองมีอาการของโรคไต ควรรีบปรึกษาแพทย์เพื่อทำการตรวจวินิจฉัยและรับการรักษาอย่างเหมาะสม เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีในระยะยาว