อาการตัวบวมเกิดจากอะไร

อาการตัวบวม: สัญญาณเตือนที่ไม่ควรมองข้าม

อาการบวม หรือ edema เป็นภาวะที่เนื้อเยื่อของร่างกายมีของเหลวสะสมมากเกินไป แม้ว่าอาการบวมจะดูเหมือนไม่รุนแรง แต่ก็อาจบ่งชี้ถึงปัญหาสุขภาพที่ซับซ้อนได้ ดังนั้นการเข้าใจสาเหตุของอาการบวมจึงเป็นสิ่งสำคัญต่อการดูแลสุขภาพที่ดี

สาเหตุของอาการบวมนั้นหลากหลายและซับซ้อน สามารถแบ่งเป็นสาเหตุหลักๆ ดังนี้:

• การสะสมของของเหลว: ในหลายกรณี ของเหลวจะสะสมในร่างกายได้เนื่องจากการทำงานผิดปกติของระบบต่างๆ เช่น ระบบไตที่ทำงานไม่เต็มประสิทธิภาพ อาจทำให้ของเสียและน้ำสะสมในร่างกายได้ นอกจากนี้ การรับประทานอาหารที่มีเกลือโซเดียมสูงมากเกินไปก็สามารถกระตุ้นให้ร่างกายเก็บน้ำเอาไว้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้ที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะดังกล่าว

• การอักเสบ: การบาดเจ็บ การติดเชื้อ หรือการอักเสบในบริเวณใดๆ ของร่างกาย อาจทำให้เกิดการบวมชั่วคราว อาการบวมในกรณีนี้มักจะเจ็บปวด มีสีแดง และร้อน สาเหตุเช่นโรคข้ออักเสบหรือการอักเสบจากการติดเชื้อแบคทีเรียก็สามารถทำให้เกิดอาการบวมได้เช่นกัน

• ภาวะสุขภาพเรื้อรัง: โรคเรื้อรังบางชนิด เช่น โรคหัวใจ โรคไต หรือโรคตับ อาจก่อให้เกิดการบวมเนื่องจากความผิดปกติของระบบการไหลเวียนของเลือดหรือการทำงานของอวัยวะต่างๆ

• การใช้ยา: บางชนิดของยา เช่น ยาที่ใช้ในโรคความดันโลหิตสูง หรือยาบางประเภทอื่น อาจทำให้ร่างกายเกิดอาการบวมเป็นผลข้างเคียง

• การตั้งครรภ์: ในช่วงตั้งครรภ์ ฮอร์โมนบางชนิดจะกระตุ้นให้เกิดการสะสมของของเหลว โดยเฉพาะในบริเวณขาและเท้า

• การขาดโปรตีน: โปรตีนมีบทบาทสำคัญในการรักษาสมดุลของของเหลวในร่างกาย หากร่างกายขาดโปรตีนก็อาจทำให้ของเหลวรั่วซึมออกมาจากหลอดเลือดได้

เมื่อไรควรพบแพทย์?

การบวมที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลัน บวมที่รุนแรงหรือเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง หรือบวมที่เกี่ยวข้องกับอาการอื่นๆ เช่น ปวด มีไข้ หรือหายใจลำบาก จำเป็นต้องได้รับการตรวจสอบโดยแพทย์ทันที

ไม่ควรปล่อยให้อาการบวมอยู่เฉยๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากอาการไม่ดีขึ้นภายใน 24 ชั่วโมง การตรวจวินิจฉัยและการรักษาที่ถูกต้องจะช่วยป้องกันไม่ให้ปัญหาสุขภาพที่ซ่อนอยู่ลุกลาม ทำให้คุณมีสุขภาพที่ดีอย่างยั่งยืน

ข้อควรระวัง: บทความนี้มีไว้เพื่อการให้ความรู้ทั่วไปเท่านั้น ไม่ใช่เพื่อวินิจฉัยหรือรักษาโรค หากคุณมีอาการบวม ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยและการรักษาที่เหมาะสม