อาการ วิงเวียน ศีรษะ คลื่นไส้ เกิด จาก อะไร

3 การดู

รู้สึกวิงเวียนศีรษะ คลื่นไส้? อาการเหล่านี้อาจเกิดจากความไม่สมดุลของระบบทรงตัวภายในหู หรือความผิดปกติของระบบไหลเวียนโลหิต การใช้ยาบางชนิด และการพักผ่อนไม่เพียงพอก็เป็นสาเหตุได้เช่นกัน หากอาการไม่ดีขึ้น ควรปรึกษาแพทย์เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงและรับการรักษาที่เหมาะสม

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

วิงเวียนศีรษะ คลื่นไส้: สัญญาณเตือนที่ร่างกายกำลังบอกอะไรคุณ?

อาการวิงเวียนศีรษะคลื่นไส้ เป็นอาการที่สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน และมักสร้างความรำคาญรบกวนการใช้ชีวิตประจำวันอย่างมาก แม้ว่าอาการเหล่านี้อาจหายไปได้เองภายในระยะเวลาสั้นๆ แต่ในบางครั้งมันก็อาจเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงปัญหาสุขภาพที่ซ่อนอยู่ ซึ่งเราไม่ควรมองข้าม

อาการวิงเวียนศีรษะคลื่นไส้ เกิดจากอะไรได้บ้าง?

สิ่งที่บทความก่อนหน้านี้กล่าวมานั้นถูกต้อง แต่เพื่อให้เข้าใจถึงสาเหตุที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น เราจะมาเจาะลึกถึงปัจจัยที่เป็นไปได้ที่ทำให้เกิดอาการเหล่านี้:

  • ปัญหาจากระบบทรงตัว (Vestibular System): นี่คือสาเหตุที่พบบ่อยที่สุด ระบบทรงตัวซึ่งอยู่ในหูชั้นใน ทำหน้าที่ควบคุมการทรงตัวและการรับรู้ตำแหน่งของร่างกาย เมื่อระบบนี้ทำงานผิดปกติ ไม่ว่าจะเป็นจาก น้ำในหูไม่เท่ากัน (Meniere’s Disease), โรคหินปูนในหูชั้นในเคลื่อน (Benign Paroxysmal Positional Vertigo – BPPV) หรือ การอักเสบของเส้นประสาททรงตัว (Vestibular Neuritis) ก็จะส่งผลให้เกิดอาการวิงเวียนศีรษะ คลื่นไส้ และอาจมีอาการบ้านหมุนร่วมด้วย
  • ความผิดปกติของระบบไหลเวียนโลหิต: การไหลเวียนโลหิตที่ไม่ดีไปยังสมอง สามารถทำให้เกิดอาการวิงเวียนศีรษะได้ ภาวะต่างๆ เช่น ความดันโลหิตต่ำ (Hypotension), ภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ (Arrhythmia), หลอดเลือดแดงแข็ง (Atherosclerosis) หรือแม้แต่การ เปลี่ยนท่าทางอย่างรวดเร็ว (Orthostatic Hypotension) ก็สามารถทำให้เลือดไปเลี้ยงสมองไม่เพียงพอ
  • ปัจจัยทางระบบประสาท: ปัญหาเกี่ยวกับระบบประสาทส่วนกลาง เช่น ไมเกรน (Migraine), โรคปลอกประสาทเสื่อมแข็ง (Multiple Sclerosis – MS), เนื้องอกในสมอง (Brain Tumor) หรือ การบาดเจ็บที่ศีรษะ (Head Trauma) ก็สามารถทำให้เกิดอาการวิงเวียนศีรษะคลื่นไส้ได้
  • ผลข้างเคียงจากยา: ยาบางชนิด โดยเฉพาะยาที่ออกฤทธิ์ต่อระบบประสาท เช่น ยาแก้ซึมเศร้า ยานอนหลับ ยาแก้แพ้ หรือยาปฏิชีวนะบางชนิด สามารถทำให้เกิดอาการวิงเวียนศีรษะคลื่นไส้ได้
  • ปัจจัยด้านจิตใจ: ความเครียด ความวิตกกังวล หรือภาวะซึมเศร้า สามารถส่งผลต่อระบบประสาทและการทรงตัว ทำให้เกิดอาการวิงเวียนศีรษะได้เช่นกัน
  • ภาวะขาดน้ำและน้ำตาลในเลือดต่ำ: ร่างกายที่ขาดน้ำหรือมีระดับน้ำตาลในเลือดต่ำ สามารถส่งผลต่อการทำงานของสมอง ทำให้เกิดอาการวิงเวียนศีรษะ คลื่นไส้ อ่อนเพลีย และสับสน
  • การตั้งครรภ์: ในช่วงเริ่มต้นของการตั้งครรภ์ อาการแพ้ท้องและฮอร์โมนที่เปลี่ยนแปลงไป สามารถทำให้เกิดอาการวิงเวียนศีรษะคลื่นไส้ได้

เมื่อไหร่ที่ควรพบแพทย์?

แม้ว่าอาการวิงเวียนศีรษะคลื่นไส้อาจหายได้เอง แต่หากมีอาการดังต่อไปนี้ ควรรีบปรึกษาแพทย์ทันที:

  • อาการรุนแรงและเกิดขึ้นอย่างกะทันหัน
  • อาการเกิดขึ้นซ้ำๆ หรือเป็นเรื้อรัง
  • มีอาการอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น ปวดศีรษะรุนแรง, มองเห็นภาพซ้อน, พูดลำบาก, แขนขาอ่อนแรง, ชาตามร่างกาย, หรือหมดสติ
  • มีประวัติการบาดเจ็บที่ศีรษะ
  • มีโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง หรือโรคหัวใจ

สิ่งที่ควรทำเมื่อรู้สึกวิงเวียนศีรษะคลื่นไส้:

  • หยุดพัก: นั่งหรือนอนลงในที่เงียบสงบ
  • ดื่มน้ำ: จิบน้ำเปล่าบ่อยๆ เพื่อป้องกันภาวะขาดน้ำ
  • หลีกเลี่ยงการเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว: ค่อยๆ เปลี่ยนท่าทางเพื่อป้องกันอาการกำเริบ
  • พักผ่อนให้เพียงพอ: การพักผ่อนที่เพียงพอจะช่วยให้ร่างกายฟื้นตัว
  • หลีกเลี่ยงอาหารที่มีรสจัดหรือมีไขมันสูง: อาหารเหล่านี้อาจกระตุ้นอาการคลื่นไส้

บทสรุป:

อาการวิงเวียนศีรษะคลื่นไส้สามารถเกิดได้จากหลายสาเหตุ การทำความเข้าใจถึงสาเหตุที่เป็นไปได้ และการสังเกตอาการอื่นๆ ที่เกิดขึ้นร่วมด้วย จะช่วยให้คุณสามารถประเมินสถานการณ์และตัดสินใจได้ว่าควรไปพบแพทย์หรือไม่ การดูแลสุขภาพให้แข็งแรง การพักผ่อนให้เพียงพอ และการจัดการความเครียด จะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดอาการเหล่านี้ได้

คำแนะนำ: ข้อมูลในบทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ความรู้และความเข้าใจเบื้องต้นเท่านั้น ไม่สามารถใช้แทนคำแนะนำทางการแพทย์จากผู้เชี่ยวชาญได้ หากคุณมีอาการวิงเวียนศีรษะคลื่นไส้ที่รุนแรงหรือเป็นเรื้อรัง ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและการรักษาที่เหมาะสม