หน้ามืด วูบ เกิดจากอะไร

หน้ามืด วูบ…สัญญาณเตือนจากร่างกายที่ไม่ควรมองข้าม

อาการหน้ามืด วูบ เป็นอาการที่พบได้บ่อยในชีวิตประจำวัน หลายคนอาจเคยประสบกับอาการนี้ บ้างก็รู้สึกเพียงชั่วครู่แล้วหายไป บ้างก็รุนแรงจนหมดสติ ความร้ายแรงของอาการไม่ได้ขึ้นอยู่กับความถี่เพียงอย่างเดียว แต่ขึ้นอยู่กับสาเหตุที่แท้จริงซึ่งอาจมีได้หลากหลาย และบางสาเหตุก็เป็นอันตรายถึงชีวิตได้ ดังนั้น การทำความเข้าใจสาเหตุต่างๆจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง

นอกจากสาเหตุจากการขาดน้ำอย่างรุนแรงที่ทำให้ปริมาณเลือดลดลง ส่งผลให้สมองได้รับเลือดและออกซิเจนไม่เพียงพอ จนเกิดอาการหน้ามืด เวียนหัว และอาจหมดสติได้ตามที่กล่าวไว้แล้ว ยังมีสาเหตุอื่นๆที่สำคัญอีกมากมาย อาทิเช่น:

• ภาวะความดันโลหิตต่ำ (Hypotension): ความดันโลหิตต่ำทำให้การไหลเวียนเลือดไปเลี้ยงสมองลดลง ส่งผลให้เกิดอาการหน้ามืด วูบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว หรืออยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีอุณหภูมิสูง หรือขาดการออกกำลังกาย

• ภาวะโลหิตจาง (Anemia): ภาวะโลหิตจางเกิดจากร่างกายมีปริมาณเม็ดเลือดแดงต่ำ ทำให้การขนส่งออกซิเจนไปยังสมองลดลง ส่งผลให้เกิดอาการหน้ามืด เหนื่อยล้า และอ่อนเพลีย

• โรคหัวใจและหลอดเลือด: โรคหัวใจและหลอดเลือด เช่น โรคหลอดเลือดสมองตีบตัน โรคหัวใจล้มเหลว หรือภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ สามารถทำให้การไหลเวียนเลือดไปเลี้ยงสมองลดลง และก่อให้เกิดอาการหน้ามืด วูบ หรือแม้กระทั่งหมดสติได้

• ภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ (Hypoglycemia): ระดับน้ำตาลในเลือดต่ำ ทำให้สมองขาดพลังงาน ส่งผลให้เกิดอาการหน้ามืด เวียนหัว สั่น และอาจหมดสติได้ โดยเฉพาะในผู้ป่วยโรคเบาหวาน

• การเปลี่ยนแปลงของท่าทางอย่างรวดเร็ว: การลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็วจากท่านั่งหรือนอน อาจทำให้ความดันโลหิตลดลงชั่วคราว ส่งผลให้เกิดอาการหน้ามืด วูบได้

• ผลข้างเคียงของยาบางชนิด: ยาบางชนิดอาจมีผลข้างเคียงทำให้เกิดอาการหน้ามืด วูบได้ ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรหากมีข้อสงสัย

• การขาดสารอาหาร: การขาดวิตามินหรือแร่ธาตุบางชนิด เช่น วิตามินบี 12 ก็อาจทำให้เกิดอาการหน้ามืด วูบได้

• ความเครียดและภาวะวิตกกังวล: ความเครียดและภาวะวิตกกังวล ก็สามารถทำให้เกิดอาการหน้ามืด วูบได้เช่นกัน

เมื่อใดควรไปพบแพทย์?

หากอาการหน้ามืด วูบ เกิดขึ้นบ่อยครั้ง รุนแรง หรือมีอาการอื่นๆร่วมด้วย เช่น ปวดศีรษะรุนแรง อ่อนแรงครึ่งซีก พูดลำบาก หรือสูญเสียการทรงตัว ควรไปพบแพทย์ทันที เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยและรักษาอย่างถูกต้อง การละเลยอาการเหล่านี้อาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนที่ร้ายแรงได้

บทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ความรู้เบื้องต้นเท่านั้น ไม่ใช่คำแนะนำทางการแพทย์ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและรักษาที่ถูกต้อง อย่าพึ่งการวินิจฉัยตนเอง สุขภาพที่ดีเริ่มต้นที่การใส่ใจและดูแลตัวเองอย่างถูกวิธี