เด็กไข้ 37.7 ต้องกินยาไหม

4 การดู

เด็กอายุ 6 เดือนขึ้นไปที่มีไข้สูงกว่า 38.5 องศาเซลเซียส ควรให้ยาพาราเซตามอลตามขนาดที่ฉลากยาหรือเภสัชกรแนะนำ หากไข้ไม่ลดภายใน 4 ชั่วโมง สามารถให้ยาเพิ่มได้ แต่หากไข้สูงมาก หรือมีอาการอื่นๆ ร่วมด้วย ควรพาไปพบแพทย์ทันที

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

ไข้ 37.7 องศาเซลเซียสในเด็ก: กินยาหรือไม่? คำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ

เด็กเล็กมีระบบภูมิคุ้มกันที่ยังไม่พัฒนาเต็มที่ ทำให้พ่อแม่ผู้ปกครองมักกังวลเมื่อลูกน้อยมีไข้ ไข้ 37.7 องศาเซลเซียสในเด็กอาจเป็นเรื่องที่สร้างความกังวลใจได้ แต่ก่อนที่จะตัดสินใจให้ยา ควรทำความเข้าใจถึงสาเหตุและวิธีการดูแลอย่างเหมาะสม

ไข้ 37.7 องศาเซลเซียส ไม่จำเป็นต้องกินยาเสมอไป

อุณหภูมิร่างกาย 37.7 องศาเซลเซียส ถือเป็นไข้ต่ำ ในบางกรณี อาจเป็นเพียงการตอบสนองของร่างกายต่อการติดเชื้อเล็กน้อย เช่น การติดเชื้อไวรัสทั่วไป หรืออาจเกิดจากการออกกำลังกายหนัก การแต่งกายหนาเกินไป หรือแม้กระทั่งจากการวัดอุณหภูมิที่ไม่ถูกต้อง ในสถานการณ์เช่นนี้ การให้ยาแก้ไข้ก่อนอาจไม่จำเป็น และอาจไม่ส่งผลดีต่อร่างกายของเด็ก

สิ่งที่ควรทำเมื่อเด็กมีไข้ 37.7 องศาเซลเซียส

  1. สังเกตอาการ: อย่าเพิ่งรีบให้ยา ให้สังเกตอาการของเด็กอย่างใกล้ชิด หากเด็กยังคงมีสุขภาพดี กินอาหารได้ตามปกติ เล่นได้ตามปกติ และอารมณ์ดี การเพิ่มระดับความชุ่มชื้นในร่างกาย เช่น การดื่มน้ำหรือให้นมแม่/นมผง อาจเพียงพอที่จะช่วยลดไข้ได้

  2. วัดอุณหภูมิซ้ำ: วัดอุณหภูมิร่างกายของเด็กซ้ำอีกครั้งหลังจากผ่านไป 1-2 ชั่วโมง เพื่อตรวจสอบว่าอุณหภูมิเพิ่มสูงขึ้นหรือไม่ วิธีการวัดอุณหภูมิที่ถูกต้องมีความสำคัญอย่างยิ่ง การใช้เทอร์โมมิเตอร์แบบดิจิทัลจะให้ผลที่แม่นยำกว่า

  3. แต่งกายให้เหมาะสม: อย่าห่มผ้าเด็กหนาเกินไป ให้สวมเสื้อผ้าที่เบาบางระบายอากาศได้ดี ห้องควรมีความเย็นสบาย

  4. เพิ่มความชุ่มชื้น: ให้เด็กดื่มน้ำหรือของเหลวอื่นๆ บ่อยๆ เพื่อป้องกันภาวะขาดน้ำ

  5. ติดต่อแพทย์: หากไข้สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง หรือมีอาการอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น อาเจียน ท้องเสีย ซึม งอแงมากผิดปกติ หายใจเร็ว หรือมีผื่นขึ้น ควรพาเด็กไปพบแพทย์ทันที โดยเฉพาะอย่างยิ่งเด็กอายุต่ำกว่า 6 เดือน

สรุป

ไข้ 37.7 องศาเซลเซียสในเด็กไม่จำเป็นต้องใช้ยาเสมอไป การสังเกตอาการอย่างใกล้ชิด และการดูแลรักษาอย่างเหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญที่สุด หากคุณไม่แน่ใจ หรือมีข้อกังวลใดๆ ควรปรึกษาแพทย์หรือพยาบาล การดูแลที่เหมาะสมจะช่วยให้ลูกน้อยหายจากอาการป่วยได้อย่างรวดเร็วและปลอดภัย

หมายเหตุ: ข้อมูลในบทความนี้เป็นเพียงข้อมูลทั่วไป ไม่สามารถใช้ทดแทนคำแนะนำจากแพทย์ ควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพสำหรับคำแนะนำที่เฉพาะเจาะจงเกี่ยวกับสุขภาพของบุตรหลานของคุณ