เด็กมีไข้อุณหภูมิกี่องศา

ไข้ในเด็กเล็ก: เกณฑ์วัดและเมื่อไรควรไปพบแพทย์

เด็กเล็ก (อายุต่ำกว่า 5 ปี) มีระบบการควบคุมอุณหภูมิร่างกายที่ยังไม่สมบูรณ์ จึงอาจมีอุณหภูมิร่างกายที่แตกต่างจากผู้ใหญ่ได้ง่าย คำถามที่พ่อแม่ผู้ปกครองมักสงสัยคือ “ลูกมีไข้อุณหภูมิกี่องศาถึงเรียกว่าเป็นไข้?” คำตอบที่ตรงไปตรงมาคือไม่มีตัวเลขตายตัวที่บ่งบอกว่าอุณหภูมิเท่าไหร่ถึงเรียกว่าเป็นไข้ในเด็กเล็ก เพราะปัจจัยหลายอย่างส่งผลต่อการวัดอุณหภูมิ รวมถึงวิธีการวัด เวลาที่วัด และสุขภาพโดยรวมของเด็ก

โดยทั่วไป อุณหภูมิร่างกายที่วัดได้ทางทวารหนัก (วิธีที่แม่นยำที่สุดในเด็กเล็ก) สูงกว่า 38 องศาเซลเซียส หรือวัดทางรักแร้สูงกว่า 37.5 องศาเซลเซียส อาจบ่งบอกถึงภาวะไข้ แต่ไม่ใช่กฎตายตัว เด็กบางคนอาจมีอุณหภูมิสูงกว่าเล็กน้อยหลังจากเล่นสนุก ออกกำลังกายหนัก หรืออยู่ในสภาพอากาศร้อนจัด และถือว่าเป็นเรื่องปกติ

สิ่งสำคัญกว่าการจดจำตัวเลขคือการสังเกตอาการอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น:

• ระดับความอ่อนเพลียหรือซึมเศร้า: เด็กซึมเศร้า งอแงผิดปกติ ไม่ค่อยเล่น หรือตอบสนองต่อสิ่งรอบข้างน้อยลง อาจเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงปัญหาสุขภาพที่ร้ายแรงกว่าไข้ธรรมดา
• การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม: เด็กที่เคยร่าเริงอาจกลายเป็นหงุดหงิด ง่วงนอนมากผิดปกติ หรือมีอาการกระสับกระส่าย
• อาการเบื่ออาหาร: การกินน้อยลงหรือปฏิเสธอาหาร อาจเป็นอาการแสดงของโรคภัยไข้เจ็บ
• การเปลี่ยนแปลงสีผิว: ผิวซีด หรือมีผื่นขึ้น ควรได้รับการตรวจสอบอย่างละเอียด
• อาการหายใจเร็วหรือลำบาก: หายใจหอบเหนื่อย หรือมีเสียงหายใจผิดปกติ
• อาเจียนหรือท้องเสีย: อาจบ่งบอกถึงการติดเชื้อในระบบทางเดินอาหาร

เมื่อใดควรพาเด็กไปพบแพทย์?

แม้ว่าอุณหภูมิร่างกายจะไม่สูงมาก แต่หากเด็กมีอาการใดๆ ดังกล่าวข้างต้นร่วมด้วย ควรพาเด็กไปพบแพทย์โดยทันที โดยเฉพาะอย่างยิ่งหาก:

• เด็กอายุต่ำกว่า 3 เดือน และมีอุณหภูมิสูงกว่า 38 องศาเซลเซียส (วัดทางทวารหนัก)
• เด็กมีไข้สูงติดต่อกันเกิน 3 วัน
• เด็กมีอาการรุนแรง เช่น ชัก หมดสติ หรือหายใจลำบาก

การวัดอุณหภูมิเป็นเพียงส่วนหนึ่งของการประเมินสุขภาพเด็ก การสังเกตอาการโดยรวม และการปรึกษาแพทย์เมื่อมีข้อสงสัย เป็นสิ่งสำคัญที่สุดในการดูแลสุขภาพของเด็กเล็ก อย่าลังเลที่จะขอคำแนะนำจากแพทย์หากคุณกังวลเกี่ยวกับอาการของลูก เพราะสุขภาพของลูกคือสิ่งสำคัญที่สุด

หมายเหตุ: บทความนี้มีไว้เพื่อให้ความรู้ทั่วไปเท่านั้น ไม่สามารถใช้ทดแทนคำแนะนำจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญได้ หากมีข้อสงสัยหรือกังวลเกี่ยวกับสุขภาพของบุตรหลาน โปรดปรึกษาแพทย์หรือพยาบาล เสมอ