เป็นหวัดมีน้ำมูก กินยาแก้แพ้ได้ไหม

การใช้ยาแก้แพ้กับอาการหวัดมีน้ำมูก

อาการหวัดเป็นอาการที่พบได้บ่อย มักมาพร้อมกับน้ำมูก คัดจมูก และอาการคันในลำคอ หลายคนอาจพยายามบรรเทาอาการเหล่านี้ด้วยการใช้ยาแก้แพ้ แต่ยาแก้แพ้เหมาะสมกับการรักษาอาการภูมิแพ้หรือไม่ และมีผลกระทบอย่างไรกับอาการหวัด?

ยาแก้แพ้ส่วนใหญ่จะออกฤทธิ์โดยการยับยั้งสารฮีสตามีน ซึ่งเป็นสารที่ร่างกายปล่อยออกมาในช่วงเกิดอาการแพ้ สารฮีสตามีนเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้เกิดอาการคัดจมูก น้ำมูก และคัน ดังนั้นยาแก้แพ้จึงช่วยบรรเทาอาการเหล่านี้ได้ชั่วคราว อย่างไรก็ตาม ยาแก้แพ้ ไม่ใช่ ยาฆ่าเชื้อโรค อาการหวัดเกิดจากเชื้อไวรัสและแบคทีเรีย ยาแก้แพ้จึงไม่ได้กำจัดต้นเหตุของการติดเชื้อ

การใช้ยาแก้แพ้กับอาการหวัดจึงมีผลดีในบางกรณี ถ้าหากน้ำมูกเป็นน้ำใสและไม่รุนแรง การใช้ยาแก้แพ้สามารถบรรเทาอาการคัดจมูกและน้ำมูกได้ชั่วคราว แต่ถ้าหากมีไข้สูงหรือมีน้ำมูกสีเขียว เหลือง หรือมีอาการอื่นๆที่รุนแรง เช่น ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยตัว ควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ยาใดๆ เพราะอาจบ่งชี้ถึงการติดเชื้อที่รุนแรงกว่าหวัดธรรมดา และจำเป็นต้องได้รับการรักษาที่เหมาะสม

ข้อควรระวัง

• เด็กเล็ก: ควรหลีกเลี่ยงการใช้ยาแก้แพ้ในเด็กเล็กโดยเด็ดขาด หากเด็กมีอาการหวัด ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรเพื่อขอคำแนะนำและยาที่เหมาะสมสำหรับเด็ก เด็กบางคนอาจมีอาการแพ้ยาแก้แพ้ได้
• อาการที่รุนแรง: หากมีไข้สูง น้ำมูกสีเขียว เหลือง หรือมีอาการอื่นๆ ที่รุนแรง ควรพบแพทย์ทันที การรักษาโดยตนเองอาจทำให้การติดเชื้อแย่ลงหรือเกิดภาวะแทรกซ้อน
• ยาหลายชนิด: ควรตรวจสอบฉลากยาและคำแนะนำอย่างระมัดระวัง หากต้องทานยาหลายชนิดพร้อมกัน อาจทำให้เกิดปฏิกิริยาระหว่างยาได้

การดูแลตัวเองเบื้องต้น:

การพักผ่อนให้เพียงพอและดื่มน้ำมากๆ ช่วยให้ร่างกายสามารถต่อสู้กับเชื้อโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพ การกินอาหารที่มีประโยชน์และหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับคนที่เป็นหวัดก็เป็นอีกวิธีที่ดีในการป้องกันการติดเชื้อ

สรุปแล้ว ยาแก้แพ้สามารถบรรเทาอาการคัดจมูกและน้ำมูกใสจากหวัดได้บ้าง แต่ไม่ควรมองข้ามการปรึกษาแพทย์หากมีอาการที่รุนแรง หรือเป็นเด็กเล็ก การดูแลตัวเองเบื้องต้นอย่างเพียงพอจะช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวได้เร็วขึ้น และสำคัญที่สุดคือการปรึกษาแพทย์เพื่อการรักษาที่เหมาะสม