เป็นไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ B กี่วันหาย

6 การดู

ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ B มักมีอาการนาน 1-2 สัปดาห์ แม้ไข้จะลดลงภายใน 3-4 วัน แต่ยังคงมีอาการไอ อ่อนเพลีย และคัดจมูกได้ ควรพักผ่อนให้เพียงพอ ดื่มน้ำมากๆ และปรึกษาแพทย์หากอาการไม่ดีขึ้นหรือมีอาการรุนแรง

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ B : กี่วันกว่าจะหาย และวิธีดูแลตัวเองให้หายไว

ไข้หวัดใหญ่เป็นโรคติดเชื้อทางเดินหายใจที่เกิดจากเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ โดยแบ่งออกเป็นหลายสายพันธุ์ ซึ่งหนึ่งในนั้นคือสายพันธุ์ B หลายคนสงสัยว่าหากเป็นไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ B แล้วจะใช้เวลากี่วันกว่าอาการจะหาย คำตอบนั้นไม่ตายตัว ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง แต่โดยทั่วไปแล้ว เราสามารถคาดการณ์ระยะเวลาและวิธีการดูแลตัวเองได้ดังนี้

ระยะเวลาการเจ็บป่วย:

ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ B มักมีระยะเวลาการเจ็บป่วยประมาณ 1-2 สัปดาห์ แม้ว่าไข้จะลดลงอย่างรวดเร็วภายใน 3-4 วันหลังจากเริ่มมีอาการ แต่ก็ยังคงมีอาการอื่นๆ เช่น ไอ เจ็บคอ น้ำมูกไหล ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ และอ่อนเพลีย ซึ่งอาจคงอยู่ได้นานกว่านั้น บางรายอาจมีอาการนานถึง 3 สัปดาห์ขึ้นไป โดยเฉพาะในผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่องหรือผู้สูงอายุ

อาการที่พบบ่อย:

  • ไข้สูง: อาจสูงถึง 39-40 องศาเซลเซียส โดยเฉพาะในช่วง 2-3 วันแรก
  • ไอ: อาจเป็นไอแห้งหรือมีเสมหะ ไออาจเป็นอาการที่คงอยู่ได้นานที่สุด
  • เจ็บคอ: รู้สึกเจ็บแสบหรือระคายเคืองบริเวณลำคอ
  • น้ำมูกไหล: อาจเป็นน้ำมูกใส ข้น หรือสีเหลืองเขียว
  • ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ: ปวดหัว ปวดตัว ปวดข้อ
  • อ่อนเพลีย: รู้สึกเหนื่อยล้า ไม่มีเรี่ยวแรง
  • หายใจลำบาก (ในบางกรณี): อาการนี้มักพบในผู้ป่วยที่มีภาวะแทรกซ้อน เช่น ปอดบวม

วิธีดูแลตัวเอง:

การดูแลตัวเองอย่างถูกวิธี จะช่วยให้อาการดีขึ้นเร็วขึ้นและลดความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อน ได้แก่:

  • พักผ่อนให้เพียงพอ: การนอนหลับพักผ่อนอย่างเต็มที่ จะช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวได้เร็วขึ้น
  • ดื่มน้ำมากๆ: ช่วยป้องกันภาวะขาดน้ำ และช่วยขับเสมหะ
  • รับประทานอาหารที่มีประโยชน์: อาหารอ่อน อาหารที่ย่อยง่าย และอาหารที่มีวิตามิน แร่ธาตุ จะช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน
  • หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่และแอลกอฮอล์: สารเหล่านี้จะทำให้อาการแย่ลง
  • ใช้ยาแก้ไข้และบรรเทาอาการ: สามารถใช้ยาพาราเซตามอล หรือยาที่แพทย์แนะนำ เพื่อบรรเทาอาการไข้ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ และเจ็บคอ
  • รักษาความสะอาด: ล้างมือบ่อยๆ เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อโรค
  • หลีกเลี่ยงการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้อื่น: เพื่อป้องกันการแพร่กระจายเชื้อไปยังผู้อื่น

เมื่อใดควรไปพบแพทย์:

ควรไปพบแพทย์ทันทีหากมีอาการดังต่อไปนี้:

  • ไข้สูงไม่ลดลงแม้รับประทานยาแก้ไข้แล้ว
  • หายใจลำบาก หายใจเร็ว หรือหายใจมีเสียงหวีด
  • เจ็บหน้าอก
  • เวียนศีรษะ หรือสับสน
  • อาเจียนหรือท้องเสียอย่างรุนแรง
  • อาการแย่ลงอย่างรวดเร็ว

จำไว้ว่า การดูแลสุขภาพที่ดีและการพักผ่อนให้เพียงพอ เป็นสิ่งสำคัญที่สุดในการรักษาไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ B และการปรึกษาแพทย์เมื่อมีอาการรุนแรง จะช่วยลดความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อน และทำให้หายเป็นปกติได้เร็วขึ้น อย่าลืมว่าข้อมูลนี้เป็นเพียงข้อมูลทั่วไป ไม่สามารถใช้ทดแทนคำแนะนำจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญได้ หากมีข้อสงสัย ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรเสมอ