แผลตกสะเก็ดต้องล้างไหม

2 การดู

เมื่อแผลตกสะเก็ดแล้ว ควรทำความสะอาดด้วยน้ำเกลือหรือน้ำสะอาดอย่างเบามือ ซับให้แห้ง แล้วทายาฆ่าเชื้อที่ไม่ระคายเคืองต่อแผล เช่น Bactex เพื่อป้องกันการติดเชื้อและช่วยให้แผลสมานเร็วขึ้น หลีกเลี่ยงการสัมผัสน้ำบ่อยๆ และป้องกันแสงแดดเพื่อลดโอกาสการเกิดรอยดำ

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

แผลตกสะเก็ด: เพื่อนเก่าที่ต้องดูแล…แต่ต้องดูแลแบบไหน?

แผลตกสะเก็ด…สัญญาณเตือนว่าร่างกายของเรากำลังอยู่ในกระบวนการซ่อมแซมตัวเอง เป็นช่วงเวลาที่เรามักรู้สึกโล่งใจที่ “ใกล้หายแล้ว!” แต่ในขณะเดียวกันก็อดสงสัยไม่ได้ว่า “แล้วไอ้สะเก็ดแข็งๆ นี่…ต้องดูแลมันยังไงนะ?” ปล่อยทิ้งไว้เฉยๆ หรือต้องทำอะไรเป็นพิเศษ?

คำตอบคือ ต้องดูแลครับ! แต่การดูแลแผลตกสะเก็ดนั้นต้องทำอย่างถูกวิธีและอ่อนโยน ไม่ใช่การขัด ถู หรือแกะสะเก็ดออกเด็ดขาด เพราะนั่นเท่ากับเป็นการรบกวนกระบวนการสมานแผลตามธรรมชาติ และอาจนำไปสู่การติดเชื้อ รอยแผลเป็น หรือแม้กระทั่งแผลเรื้อรังได้

ทำไมต้องดูแลแผลตกสะเก็ด?

ถึงแม้ว่าสะเก็ดแผลจะทำหน้าที่ปกป้องผิวหนังที่กำลังสร้างใหม่ แต่บริเวณรอบๆ สะเก็ดก็ยังคงมีความเสี่ยงต่อการสะสมของสิ่งสกปรก เชื้อโรค และแบคทีเรีย การทำความสะอาดอย่างถูกวิธีจึงช่วยลดความเสี่ยงเหล่านี้ และส่งเสริมให้แผลสมานได้ดียิ่งขึ้น

ขั้นตอนการดูแลแผลตกสะเก็ดอย่างถูกวิธี:

  1. ล้างเบาๆ: ใช้น้ำสะอาด หรือน้ำเกลือ (Normal Saline Solution) ล้างบริเวณแผลอย่างเบามือ หลีกเลี่ยงการใช้สบู่ หรือผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ เพราะอาจทำให้ผิวหนังแห้งและระคายเคือง
  2. ซับให้แห้ง: ใช้ผ้าสะอาด หรือสำลีซับบริเวณแผลให้แห้งสนิท อย่าถูแรงๆ เพราะอาจทำให้สะเก็ดแผลหลุดออกก่อนเวลาอันควร
  3. ทายาฆ่าเชื้อ (ถ้าจำเป็น): หากแพทย์แนะนำ หรือแผลมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ สามารถทายาฆ่าเชื้อชนิดที่ไม่ระคายเคืองต่อผิวหนัง เช่น ยาที่มีส่วนผสมของ Chlorhexidine Gluconate (เช่น Bactex) แต่ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนใช้ยาเสมอ
  4. รักษาความชุ่มชื้น: การทาครีมบำรุงผิว หรือวาสลีน บริเวณรอบๆ สะเก็ดแผล ช่วยให้ผิวหนังมีความชุ่มชื้น ลดอาการคัน และช่วยให้สะเก็ดแผลหลุดออกได้ง่ายขึ้นเมื่อถึงเวลา
  5. หลีกเลี่ยงการสัมผัสน้ำนานๆ: การแช่น้ำ หรือสัมผัสน้ำนานๆ อาจทำให้สะเก็ดแผลเปื่อยยุ่ย และหลุดออกได้ง่ายขึ้น
  6. ป้องกันแสงแดด: แสงแดดเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้เกิดรอยดำคล้ำ (Hyperpigmentation) บริเวณแผลเป็น ดังนั้น ควรทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF สูงบริเวณแผล หรือปกป้องแผลด้วยเสื้อผ้า

สิ่งที่ต้องหลีกเลี่ยงอย่างเด็ดขาด:

  • การแกะ หรือดึงสะเก็ดแผล: การทำเช่นนี้เป็นการรบกวนกระบวนการสมานแผลตามธรรมชาติ อาจทำให้แผลติดเชื้อ เกิดรอยแผลเป็น และใช้เวลานานขึ้นในการหาย
  • การขัด หรือถูบริเวณแผล: การกระทำดังกล่าวอาจทำให้สะเก็ดแผลหลุดออกก่อนเวลาอันควร และทำให้เกิดการระคายเคือง
  • การใช้ผลิตภัณฑ์ที่ระคายเคือง: หลีกเลี่ยงการใช้สบู่ แอลกอฮอล์ หรือผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของน้ำหอม บริเวณแผล เพราะอาจทำให้ผิวหนังแห้งและระคายเคือง

เมื่อไหร่ที่ควรพบแพทย์?

  • หากแผลมีอาการบวม แดง ร้อน หรือมีหนองไหลออกมา
  • หากมีไข้สูง หรือรู้สึกไม่สบาย
  • หากแผลไม่หายภายใน 2-3 สัปดาห์
  • หากมีข้อสงสัย หรือกังวลเกี่ยวกับการดูแลแผล

การดูแลแผลตกสะเก็ดอย่างถูกวิธี เป็นสิ่งสำคัญในการส่งเสริมให้แผลสมานได้อย่างรวดเร็ว และลดความเสี่ยงต่อการเกิดปัญหาต่างๆ อย่างไรก็ตาม หากมีข้อสงสัย หรือกังวล ควรปรึกษาแพทย์ หรือเภสัชกร เพื่อขอคำแนะนำที่เหมาะสมกับสภาพแผลของคุณ