G6PD กินเชอร์รี่ได้ไหม
ผู้ป่วย G6PD ควรระมัดระวังอาหารบางชนิดเพื่อป้องกันภาวะเม็ดเลือดแดงแตก ควรงดเว้นถั่วปากอ้า และหลีกเลี่ยงผลไม้ตระกูลเบอร์รี่บางชนิด เช่น เชอร์รี่และบลูเบอร์รี่ รวมถึงโยเกิร์ตที่มีส่วนผสมของถั่ว และไวน์แดง เนื่องจากอาจมีสารที่กระตุ้นอาการได้ ปรึกษาแพทย์หรือนักโภชนาการเพื่อคำแนะนำเฉพาะบุคคล
ผู้ป่วย G6PD รับประทานเชอร์รี่ได้หรือไม่?
โรคขาดเอนไซม์ G6PD (Glucose-6-phosphate dehydrogenase deficiency) เป็นความผิดปกติของเม็ดเลือดแดงโดยกำเนิด ซึ่งทำให้เม็ดเลือดแดงแตกตัวได้ง่ายกว่าปกติเมื่อได้รับสารกระตุ้นบางชนิด เช่น ยาบางชนิด อาหารบางชนิด หรือการติดเชื้อ
หนึ่งในอาหารที่ผู้ป่วย G6PD ควรหลีกเลี่ยงคือ ถั่วปากอ้า ซึ่งมีสารที่สามารถกระตุ้นให้เม็ดเลือดแดงแตกตัวได้ เช่นเดียวกับผลไม้ตระกูลเบอร์รี่บางชนิด เช่น เชอร์รี่ บลูเบอร์รี่ และราสเบอร์รี่ นอกจากนี้ ยังควรหลีกเลี่ยงโยเกิร์ตที่มีส่วนผสมของถั่ว และไวน์แดงด้วย
อย่างไรก็ตาม ความรุนแรงของอาการ และอาหารที่กระตุ้นในผู้ป่วย G6PD แต่ละคนอาจแตกต่างกัน ดังนั้น จึงเป็นสิ่งสำคัญที่ผู้ป่วยจะต้องปรึกษาแพทย์หรือแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการเพื่อรับคำแนะนำที่เฉพาะเจาะจง
แพทย์จะทำการประเมินประวัติสุขภาพและทำการตรวจเลือด เพื่อวินิจฉัยโรค G6PD และประเมินความรุนแรงของอาการ จากนั้นจึงให้คำแนะนำเรื่องอาหารที่ควรงดเว้นและอาหารที่รับประทานได้อย่างปลอดภัย
โดยทั่วไป ผู้ป่วย G6PD ควรหลีกเลี่ยงอาหารดังต่อไปนี้:
- ถั่วปากอ้า
- ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ (เชอร์รี่ บลูเบอร์รี่ ราสเบอร์รี่)
- โยเกิร์ตที่มีส่วนผสมของถั่ว
- ไวน์แดง
นอกจากอาหารแล้ว ผู้ป่วย G6PD ยังควรหลีกเลี่ยงยาบางชนิด เช่น แอสไพริน ยาต้านมาลาเรีย และยาซัลฟาบางชนิดอีกด้วย
การปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัดสามารถช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดภาวะเม็ดเลือดแดงแตกตัวในผู้ป่วย G6PD ได้
#G6pd#ผลไม้#เชอร์รี่ข้อเสนอแนะสำหรับคำตอบ:
ขอบคุณที่ให้ข้อเสนอแนะ! ข้อเสนอแนะของคุณมีความสำคัญต่อการปรับปรุงคำตอบในอนาคต