G6PD กินเชอร์รี่ได้ไหม

5 การดู

ผู้ป่วย G6PD ควรระมัดระวังอาหารบางชนิดเพื่อป้องกันภาวะเม็ดเลือดแดงแตก ควรงดเว้นถั่วปากอ้า และหลีกเลี่ยงผลไม้ตระกูลเบอร์รี่บางชนิด เช่น เชอร์รี่และบลูเบอร์รี่ รวมถึงโยเกิร์ตที่มีส่วนผสมของถั่ว และไวน์แดง เนื่องจากอาจมีสารที่กระตุ้นอาการได้ ปรึกษาแพทย์หรือนักโภชนาการเพื่อคำแนะนำเฉพาะบุคคล

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

ผู้ป่วย G6PD รับประทานเชอร์รี่ได้หรือไม่?

โรคขาดเอนไซม์ G6PD (Glucose-6-phosphate dehydrogenase deficiency) เป็นความผิดปกติของเม็ดเลือดแดงโดยกำเนิด ซึ่งทำให้เม็ดเลือดแดงแตกตัวได้ง่ายกว่าปกติเมื่อได้รับสารกระตุ้นบางชนิด เช่น ยาบางชนิด อาหารบางชนิด หรือการติดเชื้อ

หนึ่งในอาหารที่ผู้ป่วย G6PD ควรหลีกเลี่ยงคือ ถั่วปากอ้า ซึ่งมีสารที่สามารถกระตุ้นให้เม็ดเลือดแดงแตกตัวได้ เช่นเดียวกับผลไม้ตระกูลเบอร์รี่บางชนิด เช่น เชอร์รี่ บลูเบอร์รี่ และราสเบอร์รี่ นอกจากนี้ ยังควรหลีกเลี่ยงโยเกิร์ตที่มีส่วนผสมของถั่ว และไวน์แดงด้วย

อย่างไรก็ตาม ความรุนแรงของอาการ และอาหารที่กระตุ้นในผู้ป่วย G6PD แต่ละคนอาจแตกต่างกัน ดังนั้น จึงเป็นสิ่งสำคัญที่ผู้ป่วยจะต้องปรึกษาแพทย์หรือแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการเพื่อรับคำแนะนำที่เฉพาะเจาะจง

แพทย์จะทำการประเมินประวัติสุขภาพและทำการตรวจเลือด เพื่อวินิจฉัยโรค G6PD และประเมินความรุนแรงของอาการ จากนั้นจึงให้คำแนะนำเรื่องอาหารที่ควรงดเว้นและอาหารที่รับประทานได้อย่างปลอดภัย

โดยทั่วไป ผู้ป่วย G6PD ควรหลีกเลี่ยงอาหารดังต่อไปนี้:

  • ถั่วปากอ้า
  • ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ (เชอร์รี่ บลูเบอร์รี่ ราสเบอร์รี่)
  • โยเกิร์ตที่มีส่วนผสมของถั่ว
  • ไวน์แดง

นอกจากอาหารแล้ว ผู้ป่วย G6PD ยังควรหลีกเลี่ยงยาบางชนิด เช่น แอสไพริน ยาต้านมาลาเรีย และยาซัลฟาบางชนิดอีกด้วย

การปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัดสามารถช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดภาวะเม็ดเลือดแดงแตกตัวในผู้ป่วย G6PD ได้