G6PD ห้ามยาอะไรบ้าง

2 การดู

ผู้ป่วยโรค G6PD ควรหลีกเลี่ยงยาหลายชนิด อาทิ ยาแก้ปวดบางชนิด เช่น เมเฟแนมิก แอซิด ยาบางชนิดในกลุ่มยาต้านมาลาเรีย เช่น พรอเมทาซิน และยาปฏิชีวนะบางตัว เช่น คลอรัมเฟนิคอล การรับประทานยาเหล่านี้มีความเสี่ยงทำให้เกิดภาวะเลือดจางได้ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนรับประทานยาเสมอ

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

โรค G6PD: ยาต้องห้ามและวิธีการดูแลตนเองอย่างปลอดภัย

โรค G6PD หรือภาวะเอนไซม์กลูโคส-6-ฟอสเฟตดีไฮโดรจีเนสพร่อง เป็นโรคทางพันธุกรรมที่พบได้บ่อยในผู้ชาย โดยเฉพาะในกลุ่มเชื้อสายเมดิเตอร์เรเนียน เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และแอฟริกา ผู้ป่วยโรคนี้จะมีเซลล์เม็ดเลือดแดงเปราะบางกว่าปกติ และเสี่ยงต่อการเกิดภาวะเลือดจางได้ง่ายเมื่อได้รับสารบางชนิด ดังนั้น การระมัดระวังในการใช้ยาจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง

ยาที่ผู้ป่วย G6PD ควรหลีกเลี่ยงอย่างเคร่งครัด: การระบุยาที่ต้องห้ามอย่างชัดเจนนั้นขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ รวมถึงความรุนแรงของโรคและสภาพร่างกายของผู้ป่วย แต่มีกลุ่มยาที่ควรหลีกเลี่ยงโดยทั่วไป ดังนี้

  • ยาแก้ปวดบางชนิด: นอกเหนือจากเมเฟแนมิก แอซิดแล้ว ยังรวมถึงยาต้านการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (NSAIDs) บางชนิด เช่น อิบูโพรเฟน (ในปริมาณสูงและการใช้เป็นเวลานาน) และนาพรอกเซน การใช้ยาเหล่านี้อาจทำให้เกิดภาวะเลือดจางได้ ควรเลือกใช้ยาพาราเซตามอล ซึ่งโดยทั่วไปปลอดภัยกว่า แต่ควรใช้ตามคำแนะนำของแพทย์หรือเภสัชกร

  • ยาต้านมาลาเรีย: ยาหลายชนิดในกลุ่มนี้เป็นอันตรายต่อผู้ป่วย G6PD โดยเฉพาะพรอเมทาซิน (Primaquine) ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีว่ามีความเสี่ยงสูงที่จะทำให้เกิดภาวะเลือดจาง ควรหลีกเลี่ยงยาต้านมาลาเรียทุกชนิดเว้นแต่ได้รับคำแนะนำจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ หากจำเป็นต้องเดินทางไปยังพื้นที่ที่มีโรคมาลาเรียระบาด ควรปรึกษาแพทย์เพื่อวางแผนการรักษาและป้องกันอย่างเหมาะสม

  • ยาปฏิชีวนะบางชนิด: คลอรัมเฟนิคอล (Chloramphenicol) เป็นตัวอย่างของยาปฏิชีวนะที่ควรหลีกเลี่ยง ยาปฏิชีวนะบางชนิดในกลุ่มซัลฟา (Sulfonamides) ก็อาจมีความเสี่ยงเช่นกัน ควรแจ้งแพทย์หรือเภสัชกรให้ทราบถึงโรค G6PD ก่อนรับประทานยาปฏิชีวนะทุกครั้ง เพื่อให้แพทย์เลือกใช้ยาที่เหมาะสมและปลอดภัย

  • ยาอื่นๆ: ยาบางชนิดที่อาจมีผลต่อเซลล์เม็ดเลือดแดง เช่น ยาสีฟันบางชนิดที่มีสารบอแรกซ์ หรือสารเคมีบางชนิดในผลิตภัณฑ์อื่นๆ ควรตรวจสอบส่วนประกอบของผลิตภัณฑ์ก่อนใช้

สิ่งที่ผู้ป่วย G6PD ควรทำ:

  • แจ้งแพทย์และเภสัชกร: ก่อนรับประทานยาใดๆ รวมทั้งยาที่ซื้อได้เองโดยไม่ต้องมีใบสั่งแพทย์ ควรแจ้งแพทย์หรือเภสัชกรให้ทราบเสมอว่าท่านเป็นผู้ป่วยโรค G6PD
  • พกบัตรประจำตัว: พกบัตรประจำตัวที่ระบุว่าท่านเป็นผู้ป่วยโรค G6PD ไว้เสมอ เพื่อแจ้งให้แพทย์หรือเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ทราบในกรณีฉุกเฉิน
  • หลีกเลี่ยงสารกระตุ้น: ควรงดหรือลดการบริโภคอาหารหรือเครื่องดื่มที่อาจกระตุ้นให้เกิดภาวะเลือดจาง เช่น ถั่วลิสง ถั่วบางชนิด และผลไม้บางชนิด (ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับคำแนะนำเฉพาะราย)
  • ติดตามอาการ: สังเกตอาการผิดปกติ เช่น ซีด อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย ปัสสาวะสีเข้ม และไข้ หากมีอาการเหล่านี้ควรไปพบแพทย์ทันที

การรู้จักและเข้าใจโรค G6PD รวมถึงการระมัดระวังในการใช้ยาและสารเคมีต่างๆ เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น การปรึกษาแพทย์และเภสัชกรอย่างสม่ำเสมอจะช่วยให้ท่านมีสุขภาพที่ดีและคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

หมายเหตุ: บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ความรู้เบื้องต้นเท่านั้น ไม่ใช่คำแนะนำทางการแพทย์ ควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพเพื่อรับคำแนะนำที่ถูกต้องและเหมาะสมกับสภาพร่างกายของแต่ละบุคคล