ตำไทยมีโซเดียมไหม

ต้มยำมีโซเดียมสูงแค่ไหน?

ต้มยำเป็นอาหารไทยรสชาติจัดจ้านที่นิยมรับประทานทั่วโลก แต่ทราบหรือไม่ว่าเมนูนี้มีปริมาณโซเดียมสูงมากถึง 1568 มิลลิกรัมต่อจาน แทบจะครึ่งหนึ่งของปริมาณโซเดียมที่คนทั่วไปควรได้รับในหนึ่งวัน

ปริมาณโซเดียมในต้มยำ

โซเดียมเป็นแร่ธาตุที่จำเป็นสำหรับร่างกาย แต่การรับประทานโซเดียมปริมาณมากเกินไปอาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพได้ เช่น ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ และโรคหลอดเลือดสมอง

ปริมาณโซเดียมที่แนะนำให้คนทั่วไปบริโภคในแต่ละวันคือ 2300 มิลลิกรัม แต่ต้มยำจานเดียวก็มีโซเดียมสูงถึง 1568 มิลลิกรัม ซึ่งคิดเป็นเกือบ 70 เปอร์เซ็นต์ของปริมาณโซเดียมที่แนะนำต่อวัน

สาเหตุของโซเดียมสูงในต้มยำ

ปริมาณโซเดียมสูงในต้มยำมาจากหลายปัจจัย ได้แก่:

• น้ำปลาและซอสถั่วเหลือง: เครื่องปรุงรสทั้งสองนี้เป็นแหล่งของโซเดียมชั้นดี
• กะทิ: กะทิมีโพแทสเซียมสูง แต่ก็มีโซเดียมในปริมาณที่ไม่น้อยเช่นกัน
• เครื่องปรุงรสอื่นๆ: เครื่องปรุงรสที่ใช้ในต้มยำ เช่น ตะไคร้ ข่า และใบมะกรูด อาจมีโซเดียมในปริมาณเล็กน้อย

ผลกระทบของการรับประทานโซเดียมสูง

การรับประทานโซเดียมปริมาณสูงเกินไปอาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพได้ เช่น:

• ความดันโลหิตสูง: โซเดียมส่วนเกินจะดึงน้ำเข้าสู่กระแสเลือด ส่งผลให้ปริมาณเลือดในร่างกายเพิ่มขึ้นและทำให้ความดันโลหิตสูง
• โรคหัวใจ: ความดันโลหิตสูงเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญต่อการเกิดโรคหัวใจ
• โรคหลอดเลือดสมอง: โซเดียมสูงอาจเพิ่มความเสี่ยงของการเกิดลิ่มเลือดและโรคหลอดเลือดสมองได้

คำแนะนำสำหรับการลดโซเดียมในต้มยำ

หากคุณต้องการเพลิดเพลินกับรสชาติจัดจ้านของต้มยำโดยไม่ต้องกังวลเรื่องสุขภาพ ลองทำตามคำแนะนำเหล่านี้:

• ปรุงรสอ่อนลง: ลดปริมาณน้ำปลา ซอสถั่วเหลือง และเครื่องปรุงรสอื่นๆ ลง
• เลือกต้มยำที่มีผักเยอะๆ: ผักจะมีโพแทสเซียมซึ่งช่วยลดผลกระทบของโซเดียม
• ทำต้มยำเองที่บ้าน: เมื่อทำต้มยำเอง คุณสามารถควบคุมปริมาณโซเดียมได้เอง
• เลือกอาหารอื่นๆ ที่มีโซเดียมต่ำ: หากคุณทานต้มยำแล้ว ให้พยายามเลือกอาหารอื่นๆ ที่มีโซเดียมต่ำในมื้อต่อไป เพื่อช่วยลดปริมาณโซเดียมที่ได้รับในแต่ละวัน

การรับประทานต้มยำในปริมาณที่พอเหมาะและมีสติ สามารถเป็นส่วนหนึ่งของอาหารไทยที่มีสุขภาพดีได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณเลือกต้มยำที่มีผักเยอะๆ และปรุงรสอ่อนลง