ผู้ป่วยโรคไตควรได้รับโปรตีนวันละเท่าไหร่

ปริมาณโปรตีนที่เหมาะสมสำหรับผู้ป่วยโรคไตเรื้อรัง: เส้นทางสู่การดูแลสุขภาพอย่างรอบคอบ

โรคไตเรื้อรัง (Chronic Kidney Disease: CKD) เป็นโรคที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพอย่างร้ายแรง การบริโภคโปรตีนจึงเป็นเรื่องสำคัญที่ผู้ป่วยและญาติต้องให้ความใส่ใจอย่างยิ่ง แต่คำถามที่มักเกิดขึ้นเสมอคือ ผู้ป่วยโรคไตควรได้รับโปรตีนวันละเท่าไร? คำตอบนั้นไม่ใช่ตัวเลขตายตัว และขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง ไม่ใช่เพียงแค่ “กินเยอะหรือกินน้อย” แต่เป็นการบริโภคโปรตีนอย่าง “เหมาะสม” ที่เป็นกุญแจสำคัญสู่การดูแลสุขภาพที่ดี

ปริมาณโปรตีน…ไม่ใช่คำตอบเดียว

แตกต่างจากคนทั่วไป ผู้ป่วยโรคไตไม่สามารถกำหนดปริมาณโปรตีนที่เหมาะสมได้ด้วยตนเอง เพราะไตที่เสื่อมสภาพมีประสิทธิภาพในการกำจัดของเสียจากการย่อยสลายโปรตีนลดลง การบริโภคโปรตีนมากเกินไปอาจนำไปสู่การสะสมของเสียในร่างกาย ส่งผลให้เกิดภาวะแทรกซ้อนต่างๆ เช่น ภาวะกรดยูริคสูง ภาวะเลือดเป็นกรด หรือแม้แต่ความดันโลหิตสูง ซึ่งทั้งหมดนี้ล้วนส่งผลเสียต่อสุขภาพไตที่บอบช้ำอยู่แล้ว

ดังนั้น ปริมาณโปรตีนที่เหมาะสมจึงต้องคำนวณจาก ระดับการทำงานของไต ซึ่งแพทย์จะประเมินจากค่า GFR (Glomerular Filtration Rate) ค่า creatinine และปัจจัยอื่นๆ ยิ่งไตทำงานได้แย่ลง ปริมาณโปรตีนที่แนะนำก็จะยิ่งลดลง แพทย์หรือโภชนากรผู้เชี่ยวชาญจะเป็นผู้กำหนดปริมาณที่เหมาะสมกับสภาพร่างกายของผู้ป่วยแต่ละราย ไม่ใช่คำแนะนำทั่วไปที่สามารถนำไปใช้ได้กับทุกคน

คุณภาพเหนือปริมาณ: เลือกโปรตีนคุณภาพสูงและหลากหลาย

นอกจากปริมาณแล้ว คุณภาพของโปรตีน ก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน ผู้ป่วยควรเลือกโปรตีนคุณภาพสูงที่มีกรดอะมิโนครบถ้วน เช่น โปรตีนจากปลา เนื้อไก่ไม่ติดหนัง ไข่ขาว ถั่วเหลือง และผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลือง การรับประทานโปรตีนจากแหล่งต่างๆ อย่างหลากหลายจะช่วยให้ร่างกายได้รับกรดอะมิโนที่จำเป็นอย่างครบถ้วน และลดโอกาสการขาดสารอาหารสำคัญ

ควบคู่ไปกับการควบคุมสารอาหารอื่นๆ

การควบคุมปริมาณโปรตีนเพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอ ผู้ป่วยโรคไตยังจำเป็นต้องควบคุมปริมาณ โซเดียมและฟอสฟอรัส ซึ่งเป็นแร่ธาตุที่อาจส่งผลเสียต่อไต แพทย์หรือโภชนากรจะให้คำแนะนำเกี่ยวกับการเลือกอาหาร วิธีการปรุงอาหาร และการควบคุมปริมาณสารอาหารเหล่านี้ เพื่อช่วยให้ผู้ป่วยสามารถบริหารจัดการโรคและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

สรุป

ปริมาณโปรตีนที่เหมาะสมสำหรับผู้ป่วยโรคไตเรื้อรัง ขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายของแต่ละบุคคล และต้องได้รับการประเมินจากแพทย์หรือโภชนากร การเน้นคุณภาพของโปรตีน ควบคู่กับการควบคุมปริมาณโซเดียมและฟอสฟอรัส เป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้ผู้ป่วยสามารถจัดการกับโรค และมีสุขภาพที่ดีขึ้นอย่างยั่งยืน การปรึกษาแพทย์และโภชนากรอย่างสม่ำเสมอ จึงเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับผู้ป่วยโรคไตทุกคน