ส้มตำ น้ำตาลสูงไหม

9 การดู

ส้มตำปูปลาร้าสูตรโบราณ ปรุงด้วยมะละกอดิบ ถั่วฝักยาว และมะเขือเทศ เพิ่มรสชาติด้วยน้ำปลาแท้ มะนาวสด และพริกขี้หนู ให้ความเผ็ดร้อนกลมกล่อม ไม่ใส่น้ำตาล เหมาะสำหรับผู้รักสุขภาพ หรือผู้ที่ต้องการควบคุมปริมาณน้ำตาล รับประทานคู่กับไก่ย่าง หรือปลานึ่ง อร่อยลงตัว

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

ส้มตำ…หวานน้อย สุขภาพดีได้ไหม? ไขข้อข้องใจเรื่องน้ำตาลในส้มตำ

ส้มตำ อาหารอีสานรสแซ่บที่ใครๆ ต่างหลงใหล ความเผ็ดร้อนกลมกล่อมจากพริกและมะนาว ความกรุบกรอบของมะละกอ และกลิ่นหอมเฉพาะตัวของปลาร้า ล้วนเป็นเสน่ห์ที่ดึงดูดให้เราอยากลิ้มลองซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่ท่ามกลางความอร่อยนั้น หลายคนอาจกังวลเรื่องปริมาณน้ำตาลที่ซ่อนอยู่ในจานส้มตำ โดยเฉพาะในยุคที่คนไทยหันมาใส่ใจสุขภาพและการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดกันมากขึ้น

ความจริงแล้ว ปริมาณน้ำตาลในส้มตำนั้น ขึ้นอยู่กับสูตรและวิธีการปรุง อย่างที่เราเห็นกันบ่อยๆ ส้มตำบางร้านอาจเติมน้ำตาลทรายลงไปเพื่อเพิ่มความหวาน ปรับรสชาติให้กลมกล่อมยิ่งขึ้น หรือเพื่อลดความเปรี้ยวจัดจากมะนาว ซึ่งแน่นอนว่า ส้มตำประเภทนี้จะมีปริมาณน้ำตาลสูงกว่าส้มตำที่ไม่ใส่น้ำตาล

แต่สำหรับส้มตำแบบดั้งเดิม หรือสูตรโบราณอย่างที่กล่าวไว้ในหัวข้อ ที่ใช้เพียงมะละกอดิบ ถั่วฝักยาว มะเขือเทศ น้ำปลาแท้ มะนาวสด และพริกขี้หนู นั้น แทบจะไม่มีการเติมน้ำตาลเลย ความหวานจะมาจากความหวานตามธรรมชาติของมะละกอและส่วนผสมอื่นๆ ซึ่งมีปริมาณน้อยมาก ทำให้ส้มตำประเภทนี้เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการควบคุมปริมาณน้ำตาลในร่างกาย หรือผู้ที่ต้องการดูแลสุขภาพอย่างแท้จริง

อย่างไรก็ตาม แม้ส้มตำจะไม่ใส่น้ำตาล แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะสามารถทานได้อย่างไม่จำกัด เนื่องจากส้มตำยังมี โซเดียมสูง จากน้ำปลา และอาจมี ไขมัน จากส่วนประกอบอื่นๆ เช่น กุ้งแห้ง ปู หรือไข่เค็ม ดังนั้น การทานส้มตำอย่างพอเหมาะ ควบคู่กับการรับประทานอาหารอื่นๆ ที่ครบถ้วน และออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ จึงเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการดูแลสุขภาพ และเพลิดเพลินกับรสชาติแซ่บๆ ของส้มตำได้อย่างมีความสุข โดยไม่ต้องกังวลเรื่องน้ำตาลมากเกินไป

สุดท้ายนี้ หากต้องการทานส้มตำที่มั่นใจได้ว่ามีน้ำตาลต่ำ ควรสอบถามร้านอาหารหรือเลือกทำเองที่บ้าน เพื่อควบคุมส่วนผสมและปริมาณน้ำตาลได้อย่างเต็มที่ เพราะสุขภาพที่ดี เริ่มต้นได้จากการเลือกทานอาหารอย่างมีสติ และรู้เท่าทันในสิ่งที่เราบริโภค