กินยาอะไรหายแสบท้อง

2 การดู

บรรเทาแสบท้องด้วยยาแอนตาซิด ออกฤทธิ์เร็ว ลดกรดส่วนเกินในกระเพาะอาหาร ช่วยบรรเทาอาการได้ทันที หรือเลือกยาฮิสตามีน รีเซพเตอร์ แอนตาโกนิสต์ เพื่อยับยั้งการหลั่งกรด ให้ผลดีเมื่อใช้ต่อเนื่อง ปรึกษาเภสัชกรหรือแพทย์สำหรับคำแนะนำเพิ่มเติม

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

สงครามในกระเพาะ: เอาชนะอาการแสบท้องด้วยวิธีที่ถูกต้อง

แสบท้อง อาการที่คุ้นเคยสำหรับใครหลายคน ไม่ว่าจะเป็นเพราะกินอาหารรสจัดเกินไป ดื่มแอลกอฮอล์ หรือแม้แต่ความเครียด อาการแสบร้อนที่จุกแน่นในอกนี้ สามารถสร้างความไม่สบายตัวได้อย่างมาก แต่ก่อนจะคว้าขวดน้ำเปล่าดื่มแก้ขัด เรามาทำความเข้าใจสาเหตุและวิธีรับมืออาการแสบท้องกันอย่างถูกวิธี เพื่อให้หายขาดและป้องกันไม่ให้กลับมาอีก

อาการแสบท้องส่วนใหญ่เกิดจากกรดในกระเพาะอาหารมากเกินไป ซึ่งอาจไหลย้อนขึ้นมาในหลอดอาหาร ทำให้เกิดอาการแสบร้อน แน่นหน้าอก และบางครั้งอาจมีอาการคลื่นไส้ร่วมด้วย สาเหตุอื่นๆ อาจรวมถึงการรับประทานอาหารไม่ตรงเวลา การกินอาหารที่มีไขมันสูง หรือภาวะกรดไหลย้อนเรื้อรัง (GERD) ซึ่งจำเป็นต้องได้รับการรักษาจากแพทย์

แล้วจะกินยาอะไรหายแสบท้อง? คำตอบไม่ใช่ยาตัวเดียวที่ใช้ได้กับทุกคน ขึ้นอยู่กับความรุนแรงและสาเหตุของอาการ โดยทั่วไป ยาที่ใช้บรรเทาอาการแสบท้องแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทหลัก คือ:

1. ยาแอนตาซิด (Antacids): นี่คือยาที่ออกฤทธิ์เร็วที่สุด โดยทำงานโดยการลดระดับความเป็นกรดในกระเพาะอาหารโดยตรง อาการแสบท้องจึงบรรเทาลงได้ทันที ยาแอนตาซิดมีหลายรูปแบบทั้งแบบเม็ด แบบแคปซูล และแบบเหลว ส่วนประกอบหลักมักเป็นสารประกอบของแคลเซียม แมกนีเซียม หรืออลูมิเนียม แต่ควรระวังการใช้ยาแอนตาซิดในระยะยาว เนื่องจากอาจทำให้เกิดผลข้างเคียง เช่น ท้องผูกหรือท้องเสีย ขึ้นอยู่กับชนิดของสารประกอบ

2. ยาฮิสตามีน รีเซพเตอร์ แอนตาโกนิสต์ (H2 Blockers) และ ยาอินฮิบิเตอร์ ปั๊มโปรตอน (Proton Pump Inhibitors – PPIs): ยาประเภทนี้มีกลไกการทำงานที่แตกต่างจากยาแอนตาซิด โดยจะไปยับยั้งการหลั่งกรดในกระเพาะอาหาร จึงช่วยลดการผลิตกรดในระยะยาว ทำให้เหมาะสำหรับผู้ที่ป่วยเป็นโรคกรดไหลย้อน หรือมีอาการแสบท้องบ่อยครั้ง ยาประเภทนี้ต้องใช้เวลาในการออกฤทธิ์นานกว่ายาแอนตาซิด แต่ให้ผลดีกว่าในระยะยาว และลดโอกาสการกลับมาเป็นซ้ำ การใช้ยา H2 Blockers และ PPIs ควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์หรือเภสัชกร

คำแนะนำสำคัญ:

  • อย่าซื้อยามารับประทานเองโดยไม่ปรึกษาเภสัชกรหรือแพทย์: การเลือกยาที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับสภาพร่างกาย ประวัติการแพ้ยา และโรคประจำตัว การใช้ยาที่ไม่ถูกต้องอาจทำให้เกิดผลข้างเคียง หรือแม้กระทั่งทำให้โรครุนแรงขึ้น
  • บอกแพทย์หรือเภสัชกรเกี่ยวกับยาอื่นๆ ที่คุณกำลังรับประทานอยู่: เพื่อป้องกันการเกิดปฏิกิริยาระหว่างยา
  • อ่านฉลากยาอย่างละเอียด: เพื่อทำความเข้าใจวิธีการใช้ ปริมาณที่เหมาะสม และผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น
  • หากอาการแสบท้องไม่ดีขึ้น หรือมีอาการรุนแรงขึ้น ควรไปพบแพทย์ทันที: อาการแสบท้องอาจเป็นสัญญาณของโรคอื่นๆ ที่ร้ายแรงได้

การดูแลสุขภาพที่ดีเริ่มต้นจากการรับประทานอาหารอย่างถูกต้อง พักผ่อนให้เพียงพอ หลีกเลี่ยงอาหารรสจัด อาหารมัน และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ นอกจากนี้ การลดน้ำหนัก หากมีน้ำหนักเกิน ก็ช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดอาการแสบท้องได้เช่นกัน การรับประทานยาเพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอ การปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้คุณมีสุขภาพที่ดีและอยู่ห่างไกลจากอาการแสบท้องที่ไม่พึงประสงค์นี้ได้อย่างยั่งยืน