ค่าเสียเวลา รถชน นับยังไง

2 การดู

ข้อมูลแนะนำใหม่:

ค่าเสียประโยชน์จากการใช้รถยนต์ที่เกิดอุบัติเหตุ นับรวมวันหยุดทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นเสาร์-อาทิตย์ หรือวันหยุดนักขัตฤกษ์ เริ่มนับตั้งแต่วันที่รถเข้าซ่อมจนกว่าจะซ่อมเสร็จพร้อมใช้งาน การเรียกร้องค่าเสียประโยชน์นี้เป็นสิทธิ์ของผู้เสียหายตามกฎหมาย ควรรวบรวมหลักฐานให้พร้อมเพื่อประโยชน์ในการเรียกร้อง

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

ค่าเสียเวลาจากอุบัติเหตุรถชน: นับอย่างไรให้ครบถ้วนและถูกต้อง

อุบัติเหตุบนท้องถนนเป็นเรื่องที่ไม่คาดฝันและสร้างความเสียหายได้อย่างมากมาย นอกจากความเสียหายต่อตัวรถและร่างกายแล้ว ค่าเสียเวลาที่เกิดขึ้นจากการที่รถยนต์ไม่สามารถใช้งานได้ ก็เป็นอีกหนึ่งความเสียหายที่ผู้ประสบเหตุควรได้รับการชดเชยอย่างเป็นธรรม แต่การคำนวณ “ค่าเสียเวลา” นี้ หลายคนอาจยังไม่เข้าใจวิธีการนับที่ถูกต้อง บทความนี้จะอธิบายรายละเอียดให้ชัดเจน

สิ่งสำคัญที่ต้องเข้าใจก่อนคือ ค่าเสียเวลาในที่นี้หมายถึงค่าเสียประโยชน์จากการใช้รถยนต์ที่เกิดจากอุบัติเหตุ ไม่ใช่ค่าเสียเวลาส่วนบุคคล เช่น ค่าจ้างที่สูญเสียไปเนื่องจากต้องหยุดงานเพื่อไปเคลมประกัน ซึ่งต้องคำนวณแยกต่างหาก

การนับวันเสียเวลา:

จุดสำคัญที่มักเกิดความสับสนคือการนับจำนวนวัน โดยหลักการแล้ว ค่าเสียเวลาจะนับรวมวันหยุดทุกวัน ไม่ว่าจะเป็นวันเสาร์-อาทิตย์ หรือวันหยุดนักขัตฤกษ์ เริ่มนับตั้งแต่วันที่รถเข้ารับการซ่อมแซมจนถึงวันที่รถซ่อมเสร็จและพร้อมใช้งานได้อย่างสมบูรณ์ นั่นหมายความว่า หากรถเข้าซ่อมในวันจันทร์ และซ่อมเสร็จในวันอาทิตย์ ก็ต้องคำนวณค่าเสียเวลาเป็น 7 วันเต็ม

หลักฐานที่จำเป็นในการเรียกร้องค่าเสียเวลา:

การรวบรวมหลักฐานที่เพียงพอเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง เพื่อให้การเรียกร้องค่าเสียเวลาเป็นไปอย่างราบรื่น หลักฐานที่ควรเตรียมไว้ ได้แก่:

  • ใบเสร็จรับเงินค่าซ่อมรถ: แสดงให้เห็นถึงระยะเวลาที่รถเข้ารับการซ่อมแซม
  • ใบแจ้งซ่อมจากอู่: ระบุรายละเอียดการซ่อมและระยะเวลาการซ่อม
  • เอกสารประกันภัย: เพื่อใช้เป็นหลักฐานในการเรียกร้องค่าเสียหาย
  • ภาพถ่ายรถยนต์ก่อนและหลังเกิดอุบัติเหตุ: ช่วยยืนยันความเสียหายและความจำเป็นในการซ่อมแซม
  • รายงานความเสียหายจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ (ถ้ามี): เป็นหลักฐานสำคัญยืนยันการเกิดอุบัติเหตุ

สรุป:

ค่าเสียเวลาจากอุบัติเหตุรถยนต์เป็นสิทธิที่ผู้เสียหายพึงได้รับ การคำนวณที่ถูกต้องและการเตรียมหลักฐานอย่างครบถ้วน จะช่วยให้ผู้เสียหายได้รับการชดเชยอย่างเป็นธรรม และที่สำคัญ อย่าลืมตรวจสอบเงื่อนไขและความคุ้มครองจากกรมธรรม์ประกันภัยของตนเอง เพื่อให้มั่นใจว่าจะได้รับการชดเชยอย่างครบถ้วนตามสิทธิ์

การเตรียมตัวให้พร้อมตั้งแต่ก่อนเกิดเหตุ เช่น การตรวจสอบกรมธรรม์ประกันภัยอย่างละเอียด จะช่วยให้สามารถรับมือกับสถานการณ์ที่ไม่คาดฝันได้อย่างมีประสิทธิภาพ และลดความเครียดในการเรียกร้องค่าเสียหายในภายหลัง