AFB เก็บยังไง

2 การดู

เพื่อการตรวจหาเชื้อวัณโรคอย่างแม่นยำ ควรเก็บเสมหะในช่วงเช้าตรู่ติดต่อกัน 3 วัน โดยแต่ละครั้งให้ไอเอาเสมหะจากส่วนลึกของปอด หากเก็บภายในวันเดียวกัน เว้นช่วงห่างอย่างน้อย 8 ชั่วโมง ปริมาณเสมหะที่เหมาะสมคือ 2 มิลลิลิตรขึ้นไป เพื่อผลลัพธ์ที่แม่นยำ

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

คู่มือฉบับสมบูรณ์: วิธีเก็บเสมหะตรวจหาเชื้อวัณโรค (AFB) อย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพ

การตรวจหาเชื้อวัณโรค (TB) ด้วยการตรวจหาเชื้อ AFB (Acid-Fast Bacilli) ในเสมหะ เป็นขั้นตอนสำคัญในการวินิจฉัยและรักษาโรคอย่างทันท่วงที การเก็บเสมหะที่ถูกต้องจึงเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อความแม่นยำของผลการตรวจ บทความนี้จะเจาะลึกถึงวิธีการเก็บเสมหะอย่างละเอียด เพื่อให้มั่นใจว่าคุณจะได้รับผลการตรวจที่เชื่อถือได้

ทำไมต้องเก็บเสมหะให้ถูกต้อง?

เชื้อวัณโรคส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในปอด ดังนั้นเสมหะที่นำมาตรวจจึงต้องมาจากส่วนลึกของปอดจริงๆ ไม่ใช่เพียงน้ำลายหรือเสมหะที่ค้างอยู่ในลำคอ การเก็บเสมหะที่ไม่ถูกต้อง อาจนำไปสู่ผลการตรวจที่เป็นลบปลอม (False Negative) ซึ่งหมายความว่าคุณอาจเป็นวัณโรคแต่ผลการตรวจกลับออกมาว่าไม่เป็น ทำให้การรักษาล่าช้าและอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพในระยะยาว

ขั้นตอนการเตรียมตัวก่อนเก็บเสมหะ:

  • ปรึกษาแพทย์หรือเจ้าหน้าที่สาธารณสุข: พวกเขาจะอธิบายขั้นตอนการเก็บเสมหะอย่างละเอียด และตอบข้อสงสัยของคุณ
  • หลีกเลี่ยงการแปรงฟันหรือบ้วนปากด้วยน้ำยาบ้วนปากก่อนเก็บเสมหะ: สิ่งเหล่านี้อาจลดปริมาณเชื้อวัณโรคในเสมหะได้ หากจำเป็น ให้บ้วนปากด้วยน้ำเปล่าเท่านั้น
  • ดื่มน้ำมากๆ: การดื่มน้ำจะช่วยให้เสมหะมีความเหลวและง่ายต่อการขับออกมา
  • งดสูบบุหรี่: การสูบบุหรี่จะทำให้เกิดการระคายเคืองในลำคอและอาจทำให้เสมหะที่เก็บมาไม่เหมาะสม

วิธีการเก็บเสมหะที่ถูกต้อง:

  1. ช่วงเวลาที่เหมาะสม: เก็บเสมหะในช่วงเช้าตรู่ (First Morning Sputum) ติดต่อกัน 3 วัน เนื่องจากเป็นช่วงที่เชื้อวัณโรคมีความเข้มข้นสูงสุดในปอด หากไม่สามารถเก็บในตอนเช้าตรู่ได้ ให้เว้นช่วงห่างจากการเก็บครั้งก่อนหน้าอย่างน้อย 8 ชั่วโมง
  2. สถานที่เก็บเสมหะ: เลือกสถานที่ที่มีอากาศถ่ายเทสะดวก เช่น กลางแจ้ง หรือหน้าต่างที่เปิดโล่ง เพื่อลดความเสี่ยงในการแพร่กระจายเชื้อวัณโรค
  3. เตรียมภาชนะสำหรับเก็บเสมหะ: รับภาชนะปลอดเชื้อจากโรงพยาบาลหรือคลินิก
  4. ขั้นตอนการเก็บเสมหะ:
    • สูดลมหายใจเข้าลึกๆ และกลั้นหายใจไว้สักครู่
    • ไอออกมาจากส่วนลึกของปอด (ไม่ใช่แค่กระแอม) ให้แรงที่สุดเท่าที่จะทำได้
    • บ้วนเสมหะที่ออกมาลงในภาชนะที่เตรียมไว้
    • ทำซ้ำขั้นตอนนี้จนได้ปริมาณเสมหะตามที่กำหนด (2 มิลลิลิตรขึ้นไป)
  5. ปิดฝาภาชนะให้สนิท: ระมัดระวังไม่ให้เสมหะเปรอะเปื้อนด้านนอกของภาชนะ
  6. ทำความสะอาดมือ: ล้างมือด้วยสบู่และน้ำให้สะอาดหลังจากเก็บเสมหะเสร็จ

สิ่งที่ควรหลีกเลี่ยง:

  • การเก็บน้ำลายแทนเสมหะ: น้ำลายไม่มีเชื้อวัณโรค
  • การเก็บเสมหะที่ไม่มาจากส่วนลึกของปอด: สังเกตจากลักษณะของเสมหะ ควรมีความข้นและมีสี (อาจเป็นสีเหลือง สีเขียว หรือสีน้ำตาล)
  • การเก็บเสมหะในปริมาณที่ไม่เพียงพอ: ปริมาณที่น้อยเกินไปอาจทำให้การตรวจหาเชื้อทำได้ยาก
  • การเปิดฝาภาชนะทิ้งไว้นาน: อาจทำให้เสมหะปนเปื้อน

สิ่งที่ควรทำหลังจากเก็บเสมหะ:

  • รีบนำส่งเสมหะไปที่ห้องปฏิบัติการโดยเร็วที่สุด: ยิ่งส่งเร็วเท่าไหร่ ผลการตรวจก็จะยิ่งแม่นยำมากขึ้นเท่านั้น หากไม่สามารถส่งได้ทันที ให้เก็บเสมหะไว้ในตู้เย็น (ไม่ใช่ช่องแช่แข็ง)
  • แจ้งให้เจ้าหน้าที่ทราบหากมีอาการผิดปกติ: เช่น ไอเป็นเลือด หรือเจ็บหน้าอก

ข้อควรจำ:

การเก็บเสมหะเพื่อตรวจหาเชื้อวัณโรค (AFB) เป็นขั้นตอนที่สำคัญและต้องทำอย่างถูกต้องตามคำแนะนำของแพทย์หรือเจ้าหน้าที่สาธารณสุข หากมีข้อสงสัยใดๆ อย่าลังเลที่จะสอบถามเพื่อความเข้าใจที่ถูกต้องและผลการตรวจที่แม่นยำ การดูแลสุขภาพอย่างสม่ำเสมอและการปฏิบัติตามคำแนะนำทางการแพทย์เป็นสิ่งสำคัญในการป้องกันและควบคุมโรควัณโรค

เพิ่มเติม:

บทความนี้เป็นเพียงแนวทางเบื้องต้นในการเก็บเสมหะเพื่อตรวจหาเชื้อวัณโรค ควรปรึกษาแพทย์หรือเจ้าหน้าที่สาธารณสุขเพื่อขอคำแนะนำเพิ่มเติมที่เหมาะสมกับสถานการณ์ของคุณ