ฉันจะลบ Java ให้หมดได้อย่างไร

4 การดู

การลบ Java อย่างสมบูรณ์เริ่มจากการตรวจสอบโปรแกรมที่ติดตั้งในระบบปฏิบัติการ หากพบ Java ไม่ว่าเวอร์ชันใด ให้ใช้เครื่องมือลบโปรแกรมของระบบปฏิบัติการ (เช่น Add or Remove Programs ใน Windows) ลบออกทั้งหมด จากนั้นทำความสะอาดไฟล์ชั่วคราวและรีสตาร์ทเครื่องเพื่อให้การลบเสร็จสมบูรณ์ ควรตรวจสอบการติดตั้งซ้ำเพื่อความมั่นใจ

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

ลบ Java ให้เกลี้ยง: คู่มือฉบับสมบูรณ์เพื่อระบบที่สะอาดหมดจด

Java เป็นแพลตฟอร์มที่ทรงพลังและใช้งานอย่างกว้างขวาง แต่ในบางครั้ง ความจำเป็นในการลบ Java ออกจากระบบของเราก็เกิดขึ้นได้ ไม่ว่าจะเป็นการแก้ปัญหาความขัดแย้งของเวอร์ชัน การเตรียมพร้อมสำหรับการติดตั้งใหม่ หรือเพียงแค่เพื่อจัดระเบียบและลดขนาดไฟล์ที่ไม่จำเป็นในเครื่อง การลบ Java อย่างหมดจดนั้นสำคัญอย่างยิ่ง เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต

บทความนี้จะนำเสนอขั้นตอนที่ละเอียดและครอบคลุม เพื่อให้คุณสามารถลบ Java ออกจากระบบปฏิบัติการได้อย่างเกลี้ยงเกลา โดยครอบคลุมทั้งขั้นตอนพื้นฐานและเคล็ดลับเพิ่มเติมที่จะช่วยให้คุณมั่นใจได้ว่าไม่มีไฟล์หรือข้อมูลตกค้างใดๆ เหลืออยู่

ขั้นตอนที่ 1: ถอนการติดตั้ง Java ผ่านระบบปฏิบัติการ

นี่เป็นขั้นตอนพื้นฐานที่สุดในการเริ่มต้นกระบวนการลบ Java โดยให้ทำตามขั้นตอนดังนี้:

  • Windows:

    1. ไปที่ “Control Panel” (แผงควบคุม)
    2. เลือก “Programs and Features” (โปรแกรมและคุณสมบัติ) หรือ “Add or Remove Programs” (เพิ่มหรือเอาโปรแกรมออก) ขึ้นอยู่กับเวอร์ชันของ Windows
    3. ค้นหาโปรแกรมที่ชื่อว่า “Java” หรือ “Java Runtime Environment (JRE)”
    4. เลือกโปรแกรม Java ทั้งหมดที่ปรากฏ และคลิก “Uninstall” (ถอนการติดตั้ง)
    5. ทำตามคำแนะนำบนหน้าจอเพื่อทำการถอนการติดตั้งให้เสร็จสิ้น
  • macOS:

    1. เปิด “Finder”
    2. ไปที่โฟลเดอร์ “Applications” (แอปพลิเคชัน)
    3. ค้นหาโฟลเดอร์ “JavaAppletPlugin.plugin” หรือไฟล์ที่เกี่ยวข้องกับ Java
    4. ลากไฟล์เหล่านี้ไปที่ “Trash” (ถังขยะ)
    5. คลิกขวาที่ “Trash” และเลือก “Empty Trash” (ล้างถังขยะ)

ขั้นตอนที่ 2: ลบโฟลเดอร์ Java ที่อาจหลงเหลืออยู่

แม้ว่าการถอนการติดตั้งผ่านระบบปฏิบัติการจะลบไฟล์ส่วนใหญ่ออกไป แต่บางครั้งก็อาจมีโฟลเดอร์ที่เกี่ยวข้องกับ Java หลงเหลืออยู่ ดังนั้นควรตรวจสอบและลบโฟลเดอร์เหล่านี้ด้วย:

  • Windows:

    • C:Program FilesJava
    • C:Program Files (x86)Java
    • C:ProgramDataOracleJava
    • (หากมี) โฟลเดอร์ Java ในไดเรกทอรีผู้ใช้ของคุณ เช่น C:Users[ชื่อผู้ใช้]AppDataLocalLowSunJava
  • macOS:

    • /Library/Java
    • /System/Library/Java
    • ~/Library/Java (ใช้ Go > Go to Folder… ใน Finder แล้วพิมพ์ ~/Library เพื่อเข้าถึง)

ขั้นตอนที่ 3: ลบ Java ออกจาก Path Environment Variable (สำหรับ Windows)

Path Environment Variable คือตัวแปรที่บอกระบบปฏิบัติการว่าจะค้นหาไฟล์โปรแกรมที่ไหน การมี Java อยู่ใน Path Environment Variable อาจทำให้เกิดปัญหาได้ ดังนั้นควรลบออก:

  1. กดปุ่ม Windows + R เพื่อเปิด Run dialog
  2. พิมพ์ sysdm.cpl แล้วกด Enter
  3. ไปที่แท็บ “Advanced” (ขั้นสูง) แล้วคลิก “Environment Variables” (ตัวแปรสภาพแวดล้อม)
  4. ในส่วน “System variables” (ตัวแปรของระบบ) ค้นหาตัวแปรชื่อ “Path” แล้วเลือก
  5. คลิก “Edit” (แก้ไข)
  6. ลบ path ที่ชี้ไปยังโฟลเดอร์ Java ออก (เช่น %JAVA_HOME%bin)
  7. คลิก “OK” เพื่อบันทึกการเปลี่ยนแปลง

ขั้นตอนที่ 4: ทำความสะอาดรีจิสทรี (สำหรับ Windows – ระมัดระวัง!)

การแก้ไขรีจิสทรีอาจมีความเสี่ยง หากทำผิดพลาดอาจทำให้ระบบปฏิบัติการทำงานผิดปกติ ดังนั้นควรสำรองข้อมูลรีจิสทรีไว้ก่อนที่จะทำการแก้ไขใดๆ

  1. กดปุ่ม Windows + R เพื่อเปิด Run dialog
  2. พิมพ์ regedit แล้วกด Enter
  3. ไปที่ HKEY_LOCAL_MACHINESOFTWAREJavaSoft และลบคีย์ JavaSoft ทั้งหมด
  4. ไปที่ HKEY_CURRENT_USERSOFTWAREJavaSoft และลบคีย์ JavaSoft ทั้งหมด
  5. ปิด Registry Editor

ขั้นตอนที่ 5: ลบ Java Plug-in ออกจากเบราว์เซอร์ (ถ้าจำเป็น)

เบราว์เซอร์บางตัวอาจยังคงมี Java Plug-in ที่ใช้งานอยู่ แม้จะถอนการติดตั้ง Java ออกจากระบบแล้วก็ตาม ในกรณีนี้ คุณอาจต้องปิดการใช้งานหรือลบปลั๊กอินออกจากเบราว์เซอร์ด้วยตนเอง

  • Google Chrome: Chrome ยกเลิกการสนับสนุน Java Plug-in อย่างถาวรแล้ว หากยังพบปัญหา ลองตรวจสอบส่วนขยาย (Extensions) ที่อาจเกี่ยวข้อง
  • Mozilla Firefox: ไปที่ Add-ons > Plugins แล้วปิดการใช้งาน Java Plug-in

ขั้นตอนที่ 6: รีสตาร์ทเครื่องคอมพิวเตอร์

หลังจากทำตามขั้นตอนทั้งหมดข้างต้นแล้ว ควรทำการรีสตาร์ทเครื่องคอมพิวเตอร์เพื่อให้การเปลี่ยนแปลงทั้งหมดมีผล

ขั้นตอนที่ 7: ตรวจสอบการติดตั้งซ้ำ

เพื่อความมั่นใจ ควรตรวจสอบอีกครั้งว่าไม่มีไฟล์หรือข้อมูลใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับ Java หลงเหลืออยู่ โดยการค้นหาคำว่า “Java” ใน File Explorer (Windows) หรือ Finder (macOS) หากพบไฟล์ใดๆ ให้ทำการลบออก

ข้อควรระวัง:

  • ก่อนทำการแก้ไขรีจิสทรี (ขั้นตอนที่ 4) ควรสำรองข้อมูลรีจิสทรีไว้เสมอ เพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับระบบปฏิบัติการ
  • หากไม่แน่ใจเกี่ยวกับขั้นตอนใดขั้นตอนหนึ่ง ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านไอที

สรุป

การลบ Java ออกจากระบบอย่างสมบูรณ์นั้นต้องใช้ความละเอียดรอบคอบและทำตามขั้นตอนอย่างครบถ้วน การทำตามขั้นตอนที่ระบุไว้ในบทความนี้จะช่วยให้คุณมั่นใจได้ว่า Java จะถูกลบออกจากระบบของคุณอย่างหมดจด ทำให้ระบบของคุณสะอาดและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น