ER กับ More ต่างกันอย่างไร

2 การดู

ตัวอย่างข้อมูลแนะนำใหม่:

หลักการเปรียบเทียบคุณศัพท์ขั้นกว่า (Comparative Degree) ใช้ er กับคำคุณศัพท์พยางค์เดียวหรือสองพยางค์ (เช่น faster than) ส่วนคำคุณศัพท์สามพยางค์ขึ้นไป มักใช้ more นำหน้า (เช่น more beautiful than) เพื่อเปรียบเทียบคุณสมบัติระหว่างสองสิ่ง โดยเน้นว่าสิ่งหนึ่งมีคุณสมบัติมากกว่าอีกสิ่งหนึ่ง

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

ER กับ More: เส้นแบ่งบางๆ ในการเปรียบเทียบคุณศัพท์

การเปรียบเทียบสิ่งต่างๆ เป็นส่วนสำคัญของการสื่อสาร ในภาษาอังกฤษ เราใช้ Comparative Degree หรือขั้นกว่าของคำคุณศัพท์เพื่อแสดงความแตกต่างของระดับคุณสมบัติระหว่างสองสิ่ง และวิธีการสร้างขั้นกว่านี้ก็คือหัวใจของความแตกต่างระหว่างการใช้ “-er” กับ “more” ซึ่งหลายคนมักสับสน

หลักการทั่วไปที่คุ้นเคยคือการใช้ “-er” กับคำคุณศัพท์พยางค์เดียว หรือคำคุณศัพท์สองพยางค์ที่ลงท้ายด้วย “-y” เช่น:

  • fast – faster (เร็ว – เร็วกว่า)
  • big – bigger (ใหญ่ – ใหญ่กว่า)
  • happy – happier (มีความสุข – มีความสุขกว่า)
  • easy – easier (ง่าย – ง่ายกว่า)

ส่วนคำคุณศัพท์ที่มีสามพยางค์ขึ้นไป โดยทั่วไปจะใช้ “more” นำหน้า เช่น:

  • beautiful – more beautiful (สวยงาม – สวยงามกว่า)
  • intelligent – more intelligent (ฉลาด – ฉลาดกว่า)
  • interesting – more interesting (น่าสนใจ – น่าสนใจกว่า)
  • expensive – more expensive (แพง – แพงกว่า)

อย่างไรก็ตาม กฎนี้ไม่ได้เข้มงวดเสมอไป มีข้อยกเว้นและความคลุมเครืออยู่บ้าง ตัวอย่างเช่น คำคุณศัพท์สองพยางค์บางคำสามารถใช้ได้ทั้ง “-er” และ “more” เช่น clever (ฉลาด) สามารถเปรียบเทียบได้ทั้ง cleverer และ more clever แม้ว่า cleverer จะเป็นที่นิยมใช้มากกว่าก็ตาม

นอกจากนี้ ควรพิจารณาถึงความไพเราะของประโยคด้วย บางครั้งการใช้ “-er” อาจทำให้ประโยคฟังดูไม่ไพเราะ ในกรณีเช่นนี้ การใช้ “more” อาจเป็นทางเลือกที่ดีกว่า เช่น คำว่า “politeness” (ความสุภาพ) แม้จะมีสองพยางค์แต่การใช้ “more polite” จะฟังดูเป็นธรรมชาติกว่า “politer”

สรุปแล้ว การเลือกใช้ “-er” หรือ “more” ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย รวมถึงจำนวนพยางค์ของคำคุณศัพท์ ความไพเราะของประโยค และแบบแผนการใช้ภาษา การฝึกฝนและการอ่านอย่างกว้างขวางจะช่วยให้ผู้เรียนเข้าใจและใช้ทั้งสองรูปแบบได้อย่างถูกต้องและเหมาะสม ไม่ใช่เพียงแค่จำกฎตายตัวเท่านั้น แต่ต้องมีความเข้าใจในบริบทของภาษาด้วย ซึ่งจะช่วยให้การสื่อสารเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น