ผู้ใหญ่ตัวเหลือง รักษาอย่างไร

1 การดู

ข้อมูลแนะนำ:

หากผู้ใหญ่มีอาการตัวเหลือง ควรปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยหาสาเหตุที่แท้จริง การรักษาจะแตกต่างกันไปตามสาเหตุ เช่น การใช้ยาสำหรับโรคตับอักเสบ, การผ่าตัดเนื้องอกหรือนิ่ว, หรือการฉายรังสีและเคมีบำบัดสำหรับมะเร็ง การดูแลสุขภาพโดยรวมก็มีความสำคัญ

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

ตัวเหลืองในผู้ใหญ่: เข้าใจสาเหตุและการรักษาอย่างถูกต้อง

อาการตัวเหลืองในผู้ใหญ่ หรือที่ทางการแพทย์เรียกว่า “ดีซ่าน” (Jaundice) เป็นภาวะที่ผิวหนัง ดวงตา และเยื่อเมือกต่างๆ กลายเป็นสีเหลือง ซึ่งเป็นผลมาจากการมีระดับบิลิรูบิน (Bilirubin) ในเลือดสูงเกินไป บิลิรูบินคือสารสีเหลืองที่เกิดจากการสลายตัวของเม็ดเลือดแดงที่หมดอายุ โดยปกติแล้ว ตับจะทำหน้าที่กำจัดบิลิรูบินออกจากร่างกาย แต่เมื่อเกิดปัญหาในกระบวนการเหล่านี้ บิลิรูบินจะสะสมในกระแสเลือด ทำให้เกิดอาการตัวเหลือง

สาเหตุที่อาจทำให้เกิดอาการตัวเหลืองในผู้ใหญ่มีหลากหลาย และความรุนแรงก็แตกต่างกันไป ตั้งแต่ภาวะที่ไม่เป็นอันตรายไปจนถึงโรคที่ร้ายแรง ซึ่งสามารถแบ่งออกเป็นกลุ่มใหญ่ๆ ได้ดังนี้:

  • ปัญหาเกี่ยวกับตับ: โรคตับต่างๆ เช่น ตับอักเสบ (ไวรัส ตับแข็ง หรือจากแอลกอฮอล์) ภาวะไขมันพอกตับ และมะเร็งตับ ล้วนสามารถขัดขวางการทำงานของตับในการกำจัดบิลิรูบิน

  • ปัญหาเกี่ยวกับท่อน้ำดี: นิ่วในถุงน้ำดี หรือเนื้องอกที่ท่อน้ำดี สามารถอุดตันท่อน้ำดี ทำให้บิลิรูบินไม่สามารถไหลออกจากตับได้

  • ปัญหาเกี่ยวกับเม็ดเลือดแดง: โรคที่ทำให้เม็ดเลือดแดงแตกตัวเร็วกว่าปกติ (Hemolytic anemia) จะทำให้ร่างกายผลิตบิลิรูบินในปริมาณที่มากเกินไป จนตับไม่สามารถกำจัดได้ทัน

  • ยาและสารเคมีบางชนิด: ยาบางชนิดอาจส่งผลกระทบต่อตับ หรือทำให้เกิดการแตกตัวของเม็ดเลือดแดง ทำให้เกิดอาการตัวเหลือง

อาการอื่นๆ ที่อาจพบร่วมกับอาการตัวเหลือง:

นอกเหนือจากผิวหนังและดวงตาที่เป็นสีเหลืองแล้ว ผู้ป่วยอาจมีอาการอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น

  • ปัสสาวะสีเข้ม
  • อุจจาระสีซีด
  • อาการคันตามผิวหนัง
  • ปวดท้อง
  • คลื่นไส้ อาเจียน
  • อ่อนเพลีย

การวินิจฉัยและรักษา:

สิ่งสำคัญที่สุดเมื่อสังเกตเห็นอาการตัวเหลืองคือ การปรึกษาแพทย์ทันที เพื่อตรวจวินิจฉัยหาสาเหตุที่แท้จริง การวินิจฉัยอาจรวมถึงการตรวจร่างกาย การเจาะเลือดเพื่อตรวจระดับบิลิรูบินและการทำงานของตับ การตรวจอัลตราซาวด์ หรือ CT scan เพื่อดูอวัยวะภายใน และในบางกรณี อาจจำเป็นต้องทำการตัดชิ้นเนื้อจากตับเพื่อตรวจ (Liver biopsy)

วิธีการรักษาจะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับสาเหตุของอาการตัวเหลือง:

  • โรคตับ: การรักษาอาจรวมถึงการใช้ยาต้านไวรัส (สำหรับตับอักเสบจากไวรัส) การเลิกดื่มแอลกอฮอล์ (สำหรับตับแข็งจากแอลกอฮอล์) หรือการรักษาอื่นๆ ตามความเหมาะสม

  • ปัญหาเกี่ยวกับท่อน้ำดี: การผ่าตัดเพื่อนำนิ่วในถุงน้ำดีออก หรือการใส่ท่อระบายน้ำดีเพื่อบรรเทาการอุดตัน

  • ปัญหาเกี่ยวกับเม็ดเลือดแดง: การรักษาอาจรวมถึงการให้ยาเพื่อควบคุมการแตกตัวของเม็ดเลือดแดง หรือการถ่ายเลือด

  • มะเร็ง: การรักษาอาจรวมถึงการผ่าตัด การฉายรังสี และ/หรือเคมีบำบัด

การดูแลสุขภาพโดยรวมมีความสำคัญ:

นอกเหนือจากการรักษาทางการแพทย์แล้ว การดูแลสุขภาพโดยรวมก็มีความสำคัญอย่างยิ่งในการฟื้นตัวและป้องกันภาวะแทรกซ้อน การดูแลตัวเองที่ดีอาจรวมถึง:

  • พักผ่อนให้เพียงพอ: ร่างกายต้องการเวลาในการฟื้นตัว

  • รับประทานอาหารที่มีประโยชน์: เลือกอาหารที่ย่อยง่ายและมีสารอาหารครบถ้วน หลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันสูง และอาหารแปรรูป

  • ดื่มน้ำให้เพียงพอ: ช่วยให้ร่างกายขับสารพิษออกได้

  • หลีกเลี่ยงแอลกอฮอล์และยาที่ไม่จำเป็น: แอลกอฮอล์และยาบางชนิดอาจเป็นอันตรายต่อตับ

สรุป:

อาการตัวเหลืองเป็นสัญญาณที่บ่งบอกถึงปัญหาในร่างกายที่ควรได้รับการดูแลจากแพทย์อย่างใกล้ชิด การวินิจฉัยที่ถูกต้องและได้รับการรักษาอย่างเหมาะสมจะช่วยให้ผู้ป่วยฟื้นตัวและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้ หากคุณหรือคนใกล้ชิดมีอาการตัวเหลือง อย่าลังเลที่จะปรึกษาแพทย์เพื่อทำการตรวจวินิจฉัยและรับการรักษาที่เหมาะสม