พนักงานไม่ถึง 50 คนต้องมีจปไหม

4 การดู

สำหรับสถานประกอบกิจการที่มีลูกจ้าง 20-50 คน และต้องมี จป.เทคนิค นายจ้างต้องส่ง จป.หัวหน้างานเข้ารับการอบรมเพิ่มเติมด้านเทคนิค เพื่อให้มีความรู้ความสามารถในการดูแลความปลอดภัยในการทำงานเชิงเทคนิคอย่างถูกต้องตามกฎหมาย

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

เมื่อสถานประกอบกิจการขนาดเล็กต้องเผชิญกับ “จป”: ใครต้องมี? ทำไมต้องมี? และมีอะไรที่ต้องรู้?

หลายครั้งที่ผู้ประกอบการ SMEs หรือสถานประกอบกิจการขนาดเล็กที่มีพนักงานไม่ถึง 50 คน มักเกิดความสงสัยว่า “กิจการของฉันจำเป็นต้องมีเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงาน (จป) หรือไม่?” คำตอบคือ อาจจะไม่จำเป็นต้องมี “ครบทุกประเภท” แต่ “จำเป็นต้องมี” ในบางกรณี โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อกฎหมายกำหนด

ประเด็นสำคัญที่ต้องทำความเข้าใจคือ กฎหมายความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน ได้กำหนดบทบาทและความรับผิดชอบของ จป. ไว้หลายระดับ ซึ่งแต่ละระดับมีหน้าที่และความรับผิดชอบที่แตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับขนาดของสถานประกอบกิจการ ประเภทของกิจการ และลักษณะของงานที่ทำ

สถานประกอบกิจการที่มีพนักงาน “น้อยกว่า 20 คน”:

  • โดยทั่วไป ไม่จำเป็นต้องมี จป.ประจำ แต่ยังคงมีหน้าที่และความรับผิดชอบในการดูแลความปลอดภัยในการทำงานตามกฎหมาย
  • นายจ้างยังคงต้องดำเนินการจัดให้มีสภาพแวดล้อมในการทำงานที่ปลอดภัย จัดให้มีการอบรมความปลอดภัยให้แก่ลูกจ้าง และดำเนินการอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยตามที่กฎหมายกำหนด

สถานประกอบกิจการที่มีพนักงาน “20-50 คน”:

  • จำเป็นต้องมี “จป.หัวหน้างาน” ซึ่งเป็นบุคลากรที่ทำหน้าที่กำกับดูแลความปลอดภัยในการทำงานในระดับปฏิบัติการ
  • หากสถานประกอบกิจการนั้นมีลักษณะงานที่มีความเสี่ยงสูง หรือมีเครื่องจักร อุปกรณ์ หรือสารเคมีที่อาจก่อให้เกิดอันตราย นายจ้างอาจต้องส่ง จป.หัวหน้างานเข้ารับการอบรมเพิ่มเติมด้านเทคนิค เพื่อให้มีความรู้ความสามารถในการดูแลความปลอดภัยในการทำงานเชิงเทคนิคอย่างถูกต้องตามกฎหมาย

ทำไมต้องมี จป. (ในกรณีที่กฎหมายกำหนด)?

การมี จป. ไม่ว่าจะเป็น จป. หัวหน้างาน หรือ จป. ระดับอื่นๆ ตามที่กฎหมายกำหนด ไม่ได้เป็นเพียงแค่การปฏิบัติตามกฎหมายเท่านั้น แต่ยังเป็นการลงทุนเพื่อ:

  • ลดอุบัติเหตุและการบาดเจ็บจากการทำงาน: จป. จะช่วยระบุความเสี่ยง ประเมินอันตราย และวางมาตรการป้องกันอุบัติเหตุ ทำให้สภาพแวดล้อมในการทำงานปลอดภัยยิ่งขึ้น
  • ลดค่าใช้จ่ายที่เกิดจากอุบัติเหตุ: อุบัติเหตุจากการทำงานไม่เพียงแต่ทำให้ลูกจ้างบาดเจ็บ แต่ยังส่งผลกระทบต่อการผลิต การดำเนินงาน และค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล การมี จป. ช่วยลดความเสี่ยงเหล่านี้ได้
  • สร้างวัฒนธรรมความปลอดภัย: จป. จะช่วยปลูกฝังจิตสำนึกด้านความปลอดภัยให้กับลูกจ้างทุกคน ทำให้ทุกคนตระหนักถึงความสำคัญของการทำงานอย่างปลอดภัย
  • เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน: เมื่อสภาพแวดล้อมในการทำงานปลอดภัย ลูกจ้างจะมีความมั่นใจในการทำงาน และสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

สิ่งที่ต้องรู้เพิ่มเติม:

  • ประเภทของ จป.: นอกจาก จป.หัวหน้างานแล้ว ยังมี จป.เทคนิค จป.วิชาชีพ และ จป.บริหาร ซึ่งแต่ละประเภทมีคุณสมบัติและหน้าที่แตกต่างกัน
  • การอบรม จป.: ผู้ที่ต้องการเป็น จป. จะต้องเข้ารับการอบรมและได้รับใบรับรองตามที่กฎหมายกำหนด
  • การแต่งตั้ง จป.: นายจ้างต้องแต่งตั้ง จป. อย่างเป็นทางการ และแจ้งรายชื่อ จป. ให้แก่หน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องทราบ
  • กฎหมายความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน: นายจ้างและลูกจ้างควรศึกษาและทำความเข้าใจกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้สามารถปฏิบัติตามได้อย่างถูกต้อง

สรุป:

แม้ว่าสถานประกอบกิจการขนาดเล็กที่มีพนักงานไม่ถึง 50 คน อาจไม่จำเป็นต้องมี จป. ครบทุกประเภท แต่การมี จป. หัวหน้างาน (ในกรณีที่กฎหมายกำหนด) ถือเป็นสิ่งสำคัญในการดูแลความปลอดภัยในการทำงาน การลงทุนในการอบรมและพัฒนาบุคลากรด้านความปลอดภัย จะช่วยสร้างสภาพแวดล้อมในการทำงานที่ปลอดภัย ลดอุบัติเหตุ และเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานได้อย่างยั่งยืน

คำแนะนำ: หากท่านเป็นผู้ประกอบการ SMEs ควรศึกษาข้อกำหนดทางกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยในการทำงานอย่างละเอียด และปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัย เพื่อให้มั่นใจว่ากิจการของท่านปฏิบัติตามกฎหมายได้อย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพ