มีรายได้เท่าไรต้องเสียภาษี
ผู้มีรายได้สุทธิตั้งแต่ 150,000 บาทขึ้นไปต้องเสียภาษี ซึ่งคิดเป็นรายได้ต่อเดือนประมาณ 26,000 บาท ยิ่งรายได้สุทธิสูงขึ้น ค่าลดหย่อนที่สามารถใช้ได้ก็จะสูงขึ้นด้วย
รายได้เท่าไรถึงต้องเสียภาษี
ในประเทศไทย ผู้ที่ต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาคือผู้ที่มีรายได้สุทธิตั้งแต่ 150,000 บาทขึ้นไป ซึ่งคิดเป็นรายได้ต่อเดือนประมาณ 26,000 บาท
โดยรายได้สุทธิที่คำนวณเพื่อนำมาพิจารณาว่าต้องเสียภาษีหรือไม่นั้นคำนวณจากรายได้รวมทั้งปีลบด้วยค่าใช้จ่ายและค่าลดหย่อนที่สามารถนำมาหักได้ตามที่กฎหมายกำหนด
เมื่อคำนวณรายได้สุทธิได้แล้ว หากสูงกว่า 150,000 บาท ผู้มีรายได้ต้องยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดากับกรมสรรพากรภายในวันที่ 31 มีนาคมของทุกปี หากไม่ยื่นตามกำหนดอาจมีความผิดตามกฎหมาย
อัตราภาษีที่ต้องเสีย
อัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาในประเทศไทยแบ่งเป็นขั้นบันได โดยยิ่งรายได้สุทธิสูงขึ้น อัตราภาษีที่ต้องเสียก็จะสูงขึ้นด้วย โดยอัตราภาษีที่แต่ละขั้นต้องเสียมีดังนี้
- รายได้ไม่เกิน 150,000 บาท: 0%
- รายได้ 150,001 – 300,000 บาท: 5%
- รายได้ 300,001 – 500,000 บาท: 10%
- รายได้ 500,001 – 750,000 บาท: 15%
- รายได้ 750,001 – 1,000,000 บาท: 20%
- รายได้ 1,000,001 – 2,000,000 บาท: 25%
- รายได้ 2,000,001 – 4,000,000 บาท: 30%
- รายได้ 4,000,001 – 8,000,000 บาท: 35%
- รายได้เกิน 8,000,001 บาทขึ้นไป: 37%
ค่าลดหย่อนที่นำมาหักได้
เพื่อให้ภาระภาษีเบาลง กฎหมายได้กำหนดให้ผู้มีรายได้สามารถนำค่าลดหย่อนต่างๆ มาหักจากรายได้รวมได้ โดยค่าลดหย่อนที่สามารถนำมาหักได้มีดังนี้
- ค่าลดหย่อนส่วนตัว: 60,000 บาท
- ค่าลดหย่อนค่าใช้จ่ายในการหักเลี้ยงดูบุตร: บุตรคนแรก 30,000 บาท บุตรคนที่สอง 60,000 บาท และบุตรคนที่สามและต่อมา 90,000 บาท
- ค่าลดหย่อนค่าเล่าเรียนบุตร: 20,000 บาทต่อคน
- ค่าลดหย่อนเบี้ยประกันชีวิตและกองทุนการออม: 100,000 บาท
- ค่าลดหย่อนเบี้ยประกันสุขภาพ: 15,000 บาท
- ค่าลดหย่อนเงินบริจาค: ไม่เกิน 10% ของรายได้สุทธิ
ทั้งนี้ ค่าลดหย่อนต่างๆ ที่สามารถนำมาหักได้จะแตกต่างกันไปตามเงื่อนไขและหลักเกณฑ์ที่กำหนด ผู้มีรายได้ควรศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อให้ได้รับสิทธิประโยชน์จากค่าลดหย่อนต่างๆ อย่างครบถ้วน
#ภาษีรายได้#ภาษีเงินได้#รายได้เสียภาษีข้อเสนอแนะสำหรับคำตอบ:
ขอบคุณที่ให้ข้อเสนอแนะ! ข้อเสนอแนะของคุณมีความสำคัญต่อการปรับปรุงคำตอบในอนาคต