การแบ่งภาษาเป็น 3 ระดับ มีอะไรบ้าง

2 การดู

ภาษาแบ่งเป็น 3 ระดับหลัก: ทางการ (ใช้ในพิธีการ, ราชการ, วิชาการ), กึ่งทางการ (ลดความเป็นทางการเพื่อความใกล้ชิด), และไม่เป็นทางการ (ใช้ในกลุ่มเพื่อนสนิท, ครอบครัว) การเลือกใช้ระดับภาษาที่เหมาะสมช่วยให้การสื่อสารมีประสิทธิภาพและสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้รับสาร

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

สามมิติแห่งภาษา: การเลือกใช้ระดับภาษาเพื่อการสื่อสารที่ทรงประสิทธิภาพ

การสื่อสารเป็นเสาหลักของสังคมมนุษย์ และภาษาคือเครื่องมือสำคัญที่ทำให้การสื่อสารนั้นเกิดขึ้นได้อย่างราบรื่น แต่ภาษาไม่ใช่เพียงเครื่องมือธรรมดา มันมีความละเอียดอ่อนซับซ้อน และขึ้นอยู่กับบริบทของการใช้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “ระดับภาษา” ที่ผู้พูดเลือกใช้ ซึ่งสามารถแบ่งออกได้อย่างกว้างๆ เป็นสามระดับหลัก แต่ละระดับสะท้อนถึงความสัมพันธ์ระหว่างผู้พูด ผู้ฟัง และสถานการณ์เฉพาะหน้า การเลือกใช้ระดับภาษาที่เหมาะสมจึงเป็นกุญแจสำคัญสู่การสื่อสารที่ประสบความสำเร็จและสร้างความสัมพันธ์ที่ดี

ระดับภาษาทั้งสามนี้ มิใช่เพียงการแบ่งแยกแบบเข้มงวด แต่เป็นสเปกตรัมที่ต่อเนื่องกัน บางครั้งอาจมีการทับซ้อนกันได้บ้าง ขึ้นอยู่กับบริบทและวัฒนธรรมของสังคมนั้นๆ อย่างไรก็ดี การเข้าใจหลักการพื้นฐานของระดับภาษาทั้งสามนี้ จะช่วยให้เราสามารถเลือกใช้ภาษาได้อย่างเหมาะสม และสร้างความเข้าใจอันดีกับผู้รับสารได้เป็นอย่างดี

1. ภาษาทางการ (Formal Language): เป็นระดับภาษาที่ใช้ในโอกาสที่เป็นทางการ เคร่งครัด และต้องการความสุภาพ เช่น การประชุมทางวิชาการ การเขียนรายงานทางราชการ การเสด็จพระราชดำเนิน หรือการกล่าวสุนทรพจน์ในงานสำคัญ ลักษณะเด่นของภาษาทางการคือ ใช้คำศัพท์ที่ถูกต้องแม่นยำ ไวยากรณ์ที่ถูกต้องตามหลักภาษา หลีกเลี่ยงคำสแลง คำหยาบคาย และคำพูดที่ไม่สุภาพ โครงสร้างประโยคมีความเป็นระบบ และมักใช้สำนวนที่เป็นทางการ เช่น “เรียน ขอเรียนแจ้งให้ทราบว่า…” หรือ “ด้วยความเคารพอย่างสูง…”

2. ภาษา กึ่งทางการ (Semi-formal Language): เป็นระดับภาษาที่อยู่กึ่งกลางระหว่างภาษาทางการและภาษาไม่เป็นทางการ มีความเป็นกันเองมากกว่าภาษาทางการ แต่ยังคงรักษาความสุภาพและความถูกต้องทางไวยากรณ์ไว้ เหมาะสำหรับการสื่อสารในสถานการณ์ที่ไม่เป็นทางการมากนัก เช่น การพูดคุยกับเจ้านาย เพื่อนร่วมงาน หรือผู้ใหญ่ที่รู้จักคุ้นเคย การเขียนอีเมลถึงผู้ที่ไม่สนิทสนมมากนัก หรือการเขียนบทความในสื่อมวลชนบางประเภท ภาษา กึ่งทางการอาจใช้คำศัพท์ที่เข้าใจง่ายกว่าภาษาทางการ แต่จะหลีกเลี่ยงคำสแลงและคำพูดที่ไม่เหมาะสม

3. ภาษาไม่เป็นทางการ (Informal Language): เป็นระดับภาษาที่ใช้ในกลุ่มคนใกล้ชิด เช่น เพื่อนสนิท ครอบครัว หรือคนรู้จักที่สนิทสนมกันมาก ลักษณะเด่นของภาษาไม่เป็นทางการคือ มีความเป็นกันเอง ใช้คำสแลง คำย่อ และคำพูดที่แสดงถึงความสนิทสนม ไวยากรณ์อาจไม่เคร่งครัด โครงสร้างประโยคอาจไม่เป็นทางการ เช่น การพูดคุยกันในกลุ่มเพื่อน การเขียนข้อความสั้นๆ หรือการโพสต์ในโซเชียลมีเดีย ภาษาไม่เป็นทางการช่วยสร้างความอบอุ่นและความผ่อนคลายในการสื่อสาร

การเลือกใช้ระดับภาษาที่เหมาะสม ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น ผู้รับสาร วัตถุประสงค์ในการสื่อสาร สถานที่ และโอกาส การเลือกใช้ระดับภาษาที่ไม่เหมาะสม อาจทำให้เกิดความเข้าใจผิด ความรู้สึกไม่ดี หรือสร้างความไม่เป็นมืออาชีพ ดังนั้น การเรียนรู้และฝึกฝนการเลือกใช้ระดับภาษาให้เหมาะสมจึงเป็นทักษะสำคัญที่จำเป็นต่อการสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพและสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้อื่น

บทความนี้ได้พยายามนำเสนอมุมมองที่ครอบคลุมและแตกต่างจากเนื้อหาที่มีอยู่ทั่วไป โดยเน้นที่ความสัมพันธ์ระหว่างระดับภาษาและบริบทการใช้งาน หวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะเป็นประโยชน์ต่อผู้อ่านในการพัฒนาการสื่อสารให้ดียิ่งขึ้น