ข้าราชการปฏิบัติงานในสถานศึกษาลาเกินกี่ครั้งขึ้นไปจะเข้าข่ายการลาบ่อยครั้ง

1 การดู

สำหรับข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) การลาเกิน 6 ครั้งต่อปี หรือมาทำงานสายเกิน 8 ครั้งต่อปี ถือว่าเข้าข่ายลาบ่อยครั้ง ส่วนสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) กำหนดไว้ที่การลาเกิน 7 ครั้ง และมาสายเกิน 9 ครั้งต่อปี จึงจะเข้าข่ายดังกล่าว ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับระเบียบของแต่ละหน่วยงานด้วย

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

การลาของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา: เส้นแบ่งระหว่างความจำเป็นและการลาบ่อยครั้ง

การปฏิบัติหน้าที่ของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาถือเป็นหน้าที่สำคัญยิ่งต่อการพัฒนาชาติ การที่บุคลากรเหล่านี้สามารถปฏิบัติงานได้อย่างเต็มที่และมีประสิทธิภาพนั้น ส่งผลโดยตรงต่อคุณภาพการศึกษาของเยาวชน ดังนั้น การลาป่วยหรือลาพักผ่อนจึงควรกระทำด้วยความจำเป็นและความรอบคอบ เพื่อไม่ให้กระทบต่อภารกิจหลักของสถานศึกษา

อย่างไรก็ตาม การลาบ่อยครั้งอาจส่งผลเสียต่อการบริหารจัดการภายในสถานศึกษา และอาจบ่งบอกถึงปัญหาอื่นๆ ที่ควรได้รับการแก้ไข แต่คำว่า “บ่อยครั้ง” นั้นไม่ได้มีนิยามที่ตายตัว ขึ้นอยู่กับระเบียบและข้อกำหนดของแต่ละหน่วยงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสังกัดของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) และสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.)

สำหรับ สพฐ. มีการกำหนดเกณฑ์การลาบ่อยครั้งไว้อย่างชัดเจน โดยถือว่าข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ลาเกิน 6 ครั้งต่อปี หรือ มาทำงานสายเกิน 8 ครั้งต่อปี เข้าข่ายการลาบ่อยครั้ง นั่นหมายความว่า แม้การลาแต่ละครั้งจะเป็นการลาที่มีเหตุผล แต่หากสะสมจนเกินเกณฑ์ที่กำหนด ก็อาจถูกพิจารณาว่าเป็นการลาบ่อยครั้งได้

ในขณะที่ สอศ. มีเกณฑ์ที่แตกต่างออกไปเล็กน้อย โดยกำหนดว่า การลาเกิน 7 ครั้ง และมาสายเกิน 9 ครั้งต่อปี ถึงจะเข้าข่ายการลาบ่อยครั้ง ความแตกต่างนี้สะท้อนให้เห็นถึงความยืดหยุ่นในการบริหารงานของแต่ละหน่วยงาน และอาจขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ เช่น ขนาดของสถานศึกษา ภาระงาน และความพร้อมของบุคลากร

ทั้งนี้ การพิจารณาว่าเข้าข่ายการลาบ่อยครั้งหรือไม่ นั้นไม่ได้ขึ้นอยู่กับตัวเลขเพียงอย่างเดียว แต่ควรพิจารณาถึงเหตุผลในการลา ความต่อเนื่องของการลา และผลกระทบต่อการปฏิบัติงานด้วย อาจมีกรณีที่การลาจำนวนไม่มาก แต่มีผลกระทบต่อการเรียนการสอนอย่างร้ายแรง หรือในทางกลับกัน การลาจำนวนมาก แต่เป็นการลาที่มีเหตุผลสมควร และได้รับการจัดการอย่างเหมาะสม หน่วยงานจึงควรพิจารณาอย่างรอบคอบ โดยใช้ดุลยพินิจและความเป็นธรรม

นอกจากนี้ การติดตามและให้คำปรึกษาแก่ข้าราชการที่เข้าข่ายการลาบ่อยครั้ง เป็นสิ่งสำคัญ เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงและให้การช่วยเหลือที่เหมาะสม อาจเป็นปัญหาสุขภาพ ปัญหาส่วนตัว หรือแม้แต่ภาระงานที่หนักเกินไป การแก้ไขปัญหาที่ต้นเหตุจะช่วยให้ข้าราชการสามารถปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน ส่งผลดีต่อทั้งตัวบุคลากรเอง และคุณภาพการศึกษาของประเทศชาติในที่สุด