ยีนด้อย recessive คืออะไร

0 การดู

ยีนด้อยแสดงผลเฉพาะเมื่อมีอยู่สองสำเนาในสิ่งมีชีวิต ลักษณะที่ควบคุมโดยยีนด้อยจะปรากฏเมื่อได้รับยีนด้อยจากทั้งพ่อและแม่ หากได้รับยีนด้อยเพียงสำเนาเดียว ลักษณะที่โดดเด่นกว่าจะแสดงออกแทน การแสดงออกของยีนด้อยอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับปัจจัยทางพันธุกรรมอื่นๆ

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

ยีนด้อย (Recessive Gene): เงียบสงบแต่ทรงพลัง

เราทุกคนล้วนได้รับมรดกทางพันธุกรรมมาจากพ่อและแม่ มรดกนี้บรรจุอยู่ในยีน หน่วยเล็กๆที่กำหนดลักษณะต่างๆของเรา ตั้งแต่สีตา สีผม ไปจนถึงความสูง และความเสี่ยงต่อโรคต่างๆ ในบรรดายีนเหล่านี้ มีกลุ่มยีนหนึ่งที่น่าสนใจ นั่นคือ “ยีนด้อย” (Recessive Gene)

ยีนด้อยนั้นแตกต่างจากยีนเด่น (Dominant Gene) ตรงที่มันจะแสดงผลเฉพาะเมื่อมีอยู่ สองสำเนา ในสิ่งมีชีวิต กล่าวคือ เราต้องได้รับยีนด้อยตัวเดียวกันจากทั้งพ่อและแม่ จึงจะเห็นลักษณะที่ยีนด้อยนั้นควบคุม ถ้าได้รับยีนด้อยเพียงสำเนาเดียว ลักษณะที่กำหนดโดยยีนเด่น ซึ่งมักจะเป็นลักษณะที่ “เด่นกว่า” จะปรากฏขึ้นแทนที่

ลองนึกภาพง่ายๆ เหมือนการแข่งขัน ยีนเด่นเปรียบเสมือนนักกีฬาที่แข็งแกร่ง สามารถแสดงความสามารถได้แม้จะมีคู่แข่งที่อ่อนแอกว่า (ยีนด้อย) แต่ถ้ามีนักกีฬาที่แข็งแกร่งสองคน (ยีนเด่นสองสำเนา) ก็จะยิ่งแสดงความสามารถได้อย่างเด่นชัด ในทางกลับกัน หากมีนักกีฬาที่อ่อนแอกว่าสองคน (ยีนด้อยสองสำเนา) ลักษณะความอ่อนแอก็จะปรากฏชัดเจน

ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือ ลักษณะของใบหูติดหรือไม่ติด สมมุติว่ายีนสำหรับใบหูติด (A) เป็นยีนเด่น และยีนสำหรับใบหูไม่ติด (a) เป็นยีนด้อย บุคคลที่มีจีโนไทป์ AA หรือ Aa จะมีใบหูติด เพราะยีน A แสดงออก แต่บุคคลที่มีจีโนไทป์ aa เท่านั้นที่จะมีใบหูไม่ติด เพราะไม่มียีนเด่นมาปิดบัง ลักษณะของยีนด้อยจึงปรากฏออกมา

อย่างไรก็ตาม การแสดงออกของยีนด้อยไม่ได้ขึ้นอยู่กับการมีสำเนาเพียงสองสำเนาเท่านั้น ปัจจัยทางพันธุกรรมอื่นๆ ปัจจัยแวดล้อม และปฏิสัมพันธ์ระหว่างยีน ล้วนมีอิทธิพลต่อการแสดงออกของยีนด้อยได้ บางครั้ง ยีนด้อยอาจแสดงออกได้อย่างอ่อนแอ หรือแสดงออกในบางช่วงเวลาของชีวิต ทำให้การวิเคราะห์และทำความเข้าใจเกี่ยวกับยีนด้อยนั้นมีความซับซ้อนมากกว่าที่คิด

การศึกษาเกี่ยวกับยีนด้อยมีความสำคัญอย่างยิ่ง ไม่เพียงแต่ในการทำความเข้าใจเกี่ยวกับลักษณะทางพันธุกรรมต่างๆ แต่ยังรวมถึงการทำความเข้าใจเกี่ยวกับโรคทางพันธุกรรมต่างๆ ที่มักเกิดจากยีนด้อยที่ผิดปกติ เช่น โรคธาลัสซีเมีย โรคซิสติกไฟโบรซิส และอื่นๆ การรู้จักและเข้าใจยีนด้อย จึงเป็นกุญแจสำคัญในการพัฒนาการรักษาและการป้องกันโรคเหล่านี้ต่อไป