ดีซ่านอาการเป็นยังไง

3 การดู

อาการดีซ่านนอกจากตาเหลือง ตัวเหลืองแล้ว ยังอาจมีปัสสาวะสีเข้ม อุจจาระสีซีด คันผิวหนัง และอาจมีอาการคลื่นไส้อาเจียนร่วมด้วย ความรุนแรงของอาการขึ้นอยู่กับสาเหตุและระดับบิลิรูบินในเลือด ควรพบแพทย์หากมีอาการเหล่านี้เพื่อรับการวินิจฉัยและรักษาอย่างเหมาะสม

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

ดีซ่าน: เมื่อร่างกายบอกเล่าผ่านสีเหลือง

ดีซ่าน (Jaundice) เป็นสภาวะที่เกิดจากการสะสมของบิลิรูบินในเลือดสูงเกินไป บิลิรูบินเป็นสารสีเหลืองที่เกิดจากการสลายตัวของเซลล์เม็ดเลือดแดง ซึ่งปกติแล้วจะถูกขับออกจากร่างกายผ่านทางตับและลำไส้ใหญ่ แต่เมื่อตับทำงานผิดปกติ หรือมีปัญหาในการขับออก บิลิรูบินจะสะสมในเลือดและเนื้อเยื่อ ทำให้ผิวหนัง ตาขาว และเยื่อบุตาเหลือง ส่งผลให้เกิดอาการดีซ่าน

อาการของดีซ่าน นอกจากตาเหลือง ตัวเหลืองแล้ว อาจพบอาการอื่นๆ ได้แก่

  • ปัสสาวะสีเข้ม: บิลิรูบินที่สะสมในเลือดจะถูกขับออกทางปัสสาวะ ทำให้ปัสสาวะมีสีเข้มผิดปกติ
  • อุจจาระสีซีด: บิลิรูบินที่ควรจะขับออกทางอุจจาระลดลง ทำให้อุจจาระมีสีซีด
  • คันผิวหนัง: การสะสมของบิลิรูบินในผิวหนังอาจทำให้เกิดอาการคัน
  • คลื่นไส้อาเจียน: อาการคลื่นไส้อาเจียนเป็นอาการที่อาจเกิดร่วมกับดีซ่านได้

ความรุนแรงของอาการดีซ่านขึ้นอยู่กับสาเหตุและระดับของบิลิรูบินในเลือด:

  • ดีซ่านแบบเฉียบพลัน (Acute Jaundice): มักเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและมีความรุนแรง อาจเกิดจากการติดเชื้อไวรัส ตับอักเสบ หรือสาเหตุอื่นๆ
  • ดีซ่านแบบเรื้อรัง (Chronic Jaundice): เกิดขึ้นเรื่อยๆ อาจเกิดจากโรคตับแข็ง โรคตับอักเสบเรื้อรัง หรือปัญหาอื่นๆ ที่เกี่ยวกับตับ

หากมีอาการเหล่านี้ ควรปรึกษาแพทย์โดยทันทีเพื่อรับการวินิจฉัยและรักษาอย่างเหมาะสม แพทย์จะตรวจร่างกาย ตรวจเลือด และตรวจปัสสาวะ เพื่อหาสาเหตุของดีซ่านและวินิจฉัยโรค การรักษาจะขึ้นอยู่กับสาเหตุของดีซ่าน เช่น การใช้ยา การรักษาด้วยวิธีการทางการแพทย์ หรือการผ่าตัด

การป้องกันดีซ่านที่ดีที่สุดคือการดูแลสุขภาพตับ:

  • งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์: แอลกอฮอล์เป็นพิษต่อตับ
  • รับประทานอาหารที่มีประโยชน์: อาหารที่มีไขมันต่ำและไฟเบอร์สูงช่วยดูแลสุขภาพตับ
  • ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ: การออกกำลังกายช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคตับ
  • หลีกเลี่ยงการใช้ยาที่เป็นพิษต่อตับ: ควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ยาใดๆ

ดีซ่านอาจเป็นสัญญาณของโรคที่ร้ายแรง หากมีอาการเหล่านี้ อย่าละเลย ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยและรักษาอย่างเหมาะสม