ตื่นมาตาบวม1ข้างเกิดจากอะไร

ตื่นมาตาบวมข้างเดียว…สาเหตุอะไรกันนะ?

ตื่นขึ้นมาแล้วพบว่าตาข้างใดข้างหนึ่งบวมขึ้นอย่างผิดปกติ เป็นประสบการณ์ที่น่ากังวลใจไม่น้อย ความบวมที่เกิดขึ้นเฉพาะด้านเดียวนี้ ไม่ได้เกิดจากสาเหตุเดียวเสมอไป อาจเป็นเพียงอาการเล็กน้อยที่หายไปเองได้ หรืออาจเป็นสัญญาณเตือนถึงปัญหาสุขภาพที่ร้ายแรงกว่าก็เป็นได้ ดังนั้น การทำความเข้าใจถึงสาเหตุที่เป็นไปได้จึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง

สาเหตุที่พบบ่อย:

• การติดเชื้อบริเวณไซนัส (Sinusitis): ไซนัสอักเสบอาจทำให้เกิดการอักเสบและบวมบริเวณรอบดวงตา โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าการติดเชื้ออยู่ในโพรงไซนัสที่อยู่ใกล้กับดวงตา อาการอื่นๆ ที่อาจพบร่วมด้วย ได้แก่ น้ำมูกไหล มีไข้ ปวดศีรษะ และความรู้สึกกดดันในบริเวณใบหน้า

• ต่อมน้ำตาอักเสบ (Dacryoadenitis): ต่อมน้ำตาที่อยู่เหนือดวงตาอาจอักเสบได้จากการติดเชื้อแบคทีเรีย ไวรัส หรือการอักเสบจากสาเหตุอื่นๆ ส่งผลให้เกิดอาการบวมแดง และอาจมีอาการเจ็บปวดร่วมด้วย

• การแพ้เฉพาะที่: การแพ้เครื่องสำอาง ครีมบำรุงผิวรอบดวงตา หรือแม้แต่ยาหยอดตาบางชนิด สามารถทำให้เกิดอาการแพ้เฉพาะที่ ซึ่งแสดงอาการออกมาในรูปของความบวม คัน และแดง การแพ้สารเคมีจากผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดใบหน้าก็เป็นสาเหตุที่ควรพิจารณาเช่นกัน

• การนอนตะแคงทับข้างเดียว: การนอนตะแคงทับข้างใดข้างหนึ่งเป็นเวลานาน อาจทำให้เกิดการกดทับบริเวณรอบดวงตา ส่งผลให้เกิดการบวมน้ำได้ชั่วคราว โดยปกติแล้วอาการนี้จะหายไปเองหลังจากลุกขึ้นและเคลื่อนไหวร่างกาย

• การบาดเจ็บ: การกระทบกระแทกหรือการบาดเจ็บที่บริเวณรอบดวงตาอาจทำให้เกิดอาการบวมได้ ในกรณีนี้ ควรสังเกตอาการอย่างใกล้ชิด หากมีรอยช้ำหรือเลือดออก ควรรีบพบแพทย์โดยเร็วที่สุด

• ภาวะอื่นๆ: ในบางกรณี ตาบวมข้างเดียวอาจเป็นสัญญาณของโรคอื่นๆ ที่ร้ายแรงกว่า เช่น ภาวะต่อมน้ำเหลืองบวม การติดเชื้อที่รุนแรง หรือโรคเกี่ยวกับระบบภูมิคุ้มกัน ซึ่งจำเป็นต้องได้รับการวินิจฉัยและรักษาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ

ควรไปพบแพทย์เมื่อใด?

หากตาบวมข้างเดียวมีอาการดังต่อไปนี้ ควรรีบไปพบแพทย์โดยทันที:

• อาการบวมรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ
• มีอาการเจ็บปวดอย่างรุนแรง
• มีไข้สูง
• มีการมองเห็นผิดปกติ
• มีอาการบวมร่วมกับอาการอื่นๆ เช่น ปวดหัวอย่างรุนแรง คลื่นไส้ อาเจียน

การวินิจฉัยสาเหตุของตาบวมข้างเดียวจำเป็นต้องอาศัยการตรวจร่างกายและประวัติอาการอย่างละเอียดจากแพทย์ อย่าพยายามรักษาด้วยตนเอง เพราะอาจทำให้ภาวะร้ายแรงแย่ลงได้ การปรึกษาแพทย์เป็นวิธีที่ดีที่สุดในการรับการรักษาที่ถูกต้องและเหมาะสม

หมายเหตุ: บทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ความรู้เบื้องต้นเท่านั้น ไม่ใช่คำแนะนำทางการแพทย์ ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อรับการวินิจฉัยและการรักษาที่ถูกต้อง