ต่อมน้ำลายคู่ใดหากติดเชื้อไวรัส จะเกิดอาการบวม และทำให้เป็นโรคคางทูม
ตัวอย่างข้อมูลแนะนำใหม่:
โรคคางทูม เป็นโรคติดเชื้อไวรัสที่มักเกิดขึ้นในเด็ก แต่ผู้ใหญ่ก็สามารถติดเชื้อได้เช่นกัน โดยไวรัสจะแพร่กระจายผ่านการไอ จาม หรือสัมผัสกับน้ำลายของผู้ติดเชื้อ อาการหลักของโรคนี้คือต่อมน้ำลายบริเวณข้างหูบวม ซึ่งจะทำให้รู้สึกเจ็บปวด บวม แดง และอาจมีไข้ร่วมด้วย
ต่อมน้ำลายคู่ใดที่หากติดเชื้อไวรัส จะทำให้เกิดอาการบวมและเป็นโรคคางทูม?
โรคคางทูม (Mumps) เป็นโรคติดเชื้อไวรัสที่แพร่กระจายได้ง่าย โดยเฉพาะในเด็ก ๆ แม้ว่าผู้ใหญ่ก็สามารถติดเชื้อได้เช่นกัน สาเหตุหลักมาจากไวรัสที่เข้าสู่ร่างกายผ่านทางน้ำลาย การไอ จาม หรือสัมผัสกับสิ่งของที่มีน้ำลายของผู้ติดเชื้อปนอยู่ อาการหลักที่สังเกตได้ชัดเจนคือ การบวมของต่อมน้ำลายบริเวณข้างหู ซึ่งเรียกว่า ต่อมน้ำลายใต้ขากรรไกร (Parotid gland)
ต่อมน้ำลายใต้ขากรรไกร เป็นต่อมน้ำลายที่ใหญ่ที่สุด และอยู่บริเวณข้างแก้ม ใต้หู เมื่อไวรัสคางทูมเข้าสู่ร่างกาย จะทำให้อักเสบและบวมขึ้น ซึ่งทำให้เกิดความรู้สึกเจ็บปวด บวมแดง และบางครั้งอาจมีไข้สูงร่วมด้วย อาการบวมของต่อมน้ำลายใต้ขากรรไกร จะเป็นอาการสำคัญและชัดเจนที่สุดที่บ่งบอกถึงการเป็นโรคคางทูม
อย่างไรก็ตาม การเกิดอาการบวมที่ต่อมน้ำลายบริเวณอื่นๆ เช่น ต่อมน้ำลายใต้ลิ้น (Submandibular gland) หรือต่อมน้ำลายข้างแก้ม (Sublingual gland) ก็อาจเกิดขึ้นได้ แต่การบวมของต่อมน้ำลายใต้ขากรรไกร เป็นอาการแสดงที่โดดเด่นและพบได้บ่อยที่สุดในการวินิจฉัยโรคคางทูม ดังนั้นจึงถือเป็นตัวชี้วัดสำคัญในการระบุและรักษาโรค
เพื่อความชัดเจนและป้องกันการเข้าใจผิด ควรเน้นย้ำว่า ต่อมน้ำลายใต้ขากรรไกร (Parotid gland) เป็นต่อมน้ำลายคู่ที่สำคัญที่สุด และหากติดเชื้อไวรัสคางทูม จะทำให้เกิดอาการบวมอย่างชัดเจน ซึ่งช่วยในการวินิจฉัยโรคได้อย่างแม่นยำ
#คางทูม#ต่อมน้ำลาย#ติดเชื้อข้อเสนอแนะสำหรับคำตอบ:
ขอบคุณที่ให้ข้อเสนอแนะ! ข้อเสนอแนะของคุณมีความสำคัญต่อการปรับปรุงคำตอบในอนาคต