ทำไมกินยาแก้อักเสบแล้วปวดท้อง

1 การดู

ยาแก้ปวดลดอักเสบกลุ่ม NSAIDs อาจทำให้เกิดอาการไม่พึงประสงค์ที่ระบบทางเดินอาหาร เช่น ปวดท้อง แน่นท้อง คลื่นไส้ อาเจียน เนื่องจากยับยั้งการสร้างสารช่วยปกป้องเยื่อบุกระเพาะอาหาร ควรทานพร้อมอาหารหรือรับประทานตามคำแนะนำแพทย์เพื่อลดความเสี่ยง หากมีอาการรุนแรงควรพบแพทย์ทันที

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

ทำไมกินยาแก้อักเสบแล้วปวดท้อง? ทำความเข้าใจกลไกและการรับมืออาการไม่พึงประสงค์

ยาแก้อักเสบกลุ่ม NSAIDs (Non-Steroidal Anti-Inflammatory Drugs) เป็นยาที่ใช้กันอย่างแพร่หลายเพื่อบรรเทาอาการปวด ลดไข้ และลดการอักเสบ ไม่ว่าจะเป็นอาการปวดศีรษะ ปวดประจำเดือน ปวดกล้ามเนื้อ หรืออาการจากโรคข้ออักเสบ แต่หลายคนอาจเคยประสบกับอาการปวดท้องหลังจากทานยาเหล่านี้ แล้วอะไรคือสาเหตุและเราจะรับมือกับอาการเหล่านี้ได้อย่างไร?

กลไกที่ทำให้เกิดอาการปวดท้อง:

หัวใจสำคัญของเรื่องนี้อยู่ที่กลไกการทำงานของยา NSAIDs โดยยาเหล่านี้จะเข้าไปยับยั้งเอนไซม์ Cyclooxygenase (COX) ซึ่งเป็นเอนไซม์ที่ร่างกายใช้ในการสร้างสาร Prostaglandins สาร Prostaglandins มีบทบาทสำคัญหลายอย่างในร่างกาย รวมถึง:

  • การกระตุ้นอาการปวดและการอักเสบ: นี่คือเหตุผลที่ยา NSAIDs ช่วยบรรเทาอาการปวดและลดการอักเสบได้
  • การปกป้องเยื่อบุกระเพาะอาหาร: สาร Prostaglandins ช่วยกระตุ้นการสร้างเมือกและสารคัดหลั่งที่ปกป้องเยื่อบุกระเพาะอาหารจากกรดและเอนไซม์ย่อยอาหาร

เมื่อยา NSAIDs ยับยั้งการสร้าง Prostaglandins จึงส่งผลให้:

  1. เยื่อบุกระเพาะอาหารถูกทำลายน้อยลง: ทำให้กรดและเอนไซม์ย่อยอาหารสามารถทำลายเยื่อบุกระเพาะอาหารได้ง่ายขึ้น
  2. การผลิตเมือกและสารคัดหลั่งลดลง: ทำให้เกราะป้องกันกระเพาะอาหารอ่อนแอลง
  3. การไหลเวียนโลหิตไปเลี้ยงกระเพาะอาหารลดลง: ทำให้การซ่อมแซมเนื้อเยื่อกระเพาะอาหารเป็นไปได้ช้าลง

ผลลัพธ์ที่ได้คืออาการปวดท้อง แสบร้อนกลางอก ท้องอืด คลื่นไส้ อาเจียน และในกรณีที่รุนแรงอาจทำให้เกิดแผลในกระเพาะอาหารหรือเลือดออกในทางเดินอาหารได้

ปัจจัยเสี่ยงที่เพิ่มโอกาสเกิดอาการปวดท้องจากยา NSAIDs:

  • ประวัติการเป็นโรคกระเพาะอาหาร: ผู้ที่มีประวัติเป็นโรคกระเพาะอาหาร แผลในกระเพาะอาหาร หรือมีภาวะกรดไหลย้อนอยู่แล้ว จะมีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดอาการไม่พึงประสงค์จากยา NSAIDs
  • อายุ: ผู้สูงอายุมีความเสี่ยงสูงกว่า เนื่องจากเยื่อบุกระเพาะอาหารมีความบางลงและมีความสามารถในการซ่อมแซมน้อยลง
  • การใช้ยา NSAIDs ในปริมาณสูงหรือระยะเวลานาน: การใช้ยาในปริมาณสูงหรือใช้ติดต่อกันเป็นเวลานาน จะเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดอาการไม่พึงประสงค์
  • การใช้ยาอื่นร่วมด้วย: การใช้ยา NSAIDs ร่วมกับยาบางชนิด เช่น ยาต้านการแข็งตัวของเลือด (anticoagulants) หรือยา corticosteroid อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดอาการข้างเคียง
  • การดื่มแอลกอฮอล์และการสูบบุหรี่: พฤติกรรมเหล่านี้จะเพิ่มความเสี่ยงต่อการระคายเคืองกระเพาะอาหารและอาจทำให้ผลข้างเคียงจากยา NSAIDs รุนแรงขึ้น

การรับมือและป้องกันอาการปวดท้องจากยา NSAIDs:

  • ทานยาพร้อมอาหาร: การทานยา NSAIDs พร้อมอาหารจะช่วยลดการสัมผัสของยาโดยตรงกับเยื่อบุกระเพาะอาหาร
  • ทานยาตามคำแนะนำของแพทย์หรือเภสัชกร: ปฏิบัติตามคำแนะนำเกี่ยวกับขนาดยาและความถี่ในการทานยาอย่างเคร่งครัด
  • หลีกเลี่ยงการใช้ยา NSAIDs ในปริมาณสูงหรือเป็นระยะเวลานาน: หากอาการไม่ดีขึ้นควรปรึกษาแพทย์เพื่อหาทางเลือกในการรักษาอื่น
  • แจ้งแพทย์หรือเภสัชกรเกี่ยวกับประวัติการเจ็บป่วยและยาที่กำลังใช้อยู่: เพื่อให้แพทย์หรือเภสัชกรสามารถพิจารณาความเสี่ยงและให้คำแนะนำที่เหมาะสม
  • พิจารณาใช้ยาอื่นทดแทน: หากมีความเสี่ยงสูงต่อการเกิดอาการไม่พึงประสงค์จากยา NSAIDs อาจพิจารณาใช้ยาแก้ปวดกลุ่มอื่น เช่น พาราเซตามอล (Paracetamol) หรือยาแก้ปวดเฉพาะที่
  • ใช้ยาลดกรด: หากมีอาการปวดท้องหรือแสบร้อนกลางอก อาจใช้ยาลดกรด (antacids) เพื่อบรรเทาอาการ
  • ปรึกษาแพทย์: หากมีอาการปวดท้องรุนแรง อาเจียนเป็นเลือด หรือถ่ายอุจจาระดำคล้ำ ควรปรึกษาแพทย์ทันที

ข้อควรจำ:

ยา NSAIDs เป็นยาที่มีประโยชน์ในการบรรเทาอาการปวดและลดการอักเสบ แต่ก็มีผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้ โดยเฉพาะอาการปวดท้อง ดังนั้น การทำความเข้าใจกลไกการทำงานของยา ปัจจัยเสี่ยง และวิธีการรับมืออาการไม่พึงประสงค์ จะช่วยให้เราใช้ยาได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ที่สำคัญที่สุดคือการปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรเพื่อขอคำแนะนำที่เหมาะสมกับสภาพร่างกายและโรคประจำตัวของแต่ละบุคคล