ผู้ป่วยเบาหวานน้ำตาลตก ทำไง

4 การดู

ข้อมูลแนะนำสำหรับผู้ป่วยเบาหวานน้ำตาลตก

หากรู้สึกมึนงง อ่อนเพลีย เหงื่อออกมาก หรือสั่น อาจเป็นอาการของน้ำตาลในเลือดต่ำ (น้ำตาลตก) ควรทานอาหารหรือเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลง่ายทันที เช่น นมพร่องมันเนย ผลไม้ น้ำผลไม้ ฯลฯ สังเกตอาการ หากไม่ดีขึ้น ควรรีบปรึกษาแพทย์โดยด่วน

ข้อเสนอแนะ 0 การถูกใจ

เมื่อน้ำตาลตก: คู่มือฉุกเฉินสำหรับผู้ป่วยเบาหวาน

โรคเบาหวานเป็นโรคเรื้อรังที่ควบคุมได้ แต่การควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดอย่างสมดุลนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเสมอไป หนึ่งในภาวะแทรกซ้อนที่ผู้ป่วยเบาหวานต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิดคือ “น้ำตาลตก” หรือภาวะไฮโปไกลซีเมีย (Hypoglycemia) ซึ่งเกิดจากระดับน้ำตาลในเลือดต่ำกว่าปกติ ส่งผลให้ร่างกายขาดพลังงานและอาจเป็นอันตรายได้หากไม่ได้รับการดูแลอย่างทันท่วงที

รู้จักอาการน้ำตาลตก: อย่ามองข้ามสัญญาณเตือน

อาการน้ำตาลตกนั้นแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล แต่โดยทั่วไปจะสังเกตได้จากอาการดังต่อไปนี้:

  • อาการทางระบบประสาท: รู้สึกมึนงง สับสน วิงเวียนศีรษะ ปวดศีรษะ พูดไม่ชัด ประสาทสัมผัสผิดปกติ (เช่น รู้สึกชาหรือเข็มทิ่มแทง) มีอาการสั่น ใจสั่น รู้สึกกระสับกระส่าย อ่อนแรง หรือหมดสติ
  • อาการทางร่างกาย: เหงื่อออกมาก ผิวหนังซีด มือเท้าเย็น หิวจัด คลื่นไส้ อาเจียน หัวใจเต้นเร็ว

การรับมือกับภาวะน้ำตาลตก: การกระทำที่รวดเร็วคือกุญแจสำคัญ

หากคุณหรือผู้ป่วยเบาหวานที่คุณดูแลมีอาการดังกล่าวข้างต้น สิ่งสำคัญคือการให้การรักษาอย่างรวดเร็วและถูกวิธี โดยหลักการคือการเพิ่มระดับน้ำตาลในเลือดให้สูงขึ้นอย่างรวดเร็ว วิธีการมีดังนี้:

  • วิธีการรับประทานอย่างรวดเร็ว: ทานอาหารหรือเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลง่ายๆ และดูดซึมได้เร็ว เช่น:

    • น้ำตาลกลูโคส (Glucose): เป็นวิธีที่เร็วที่สุดและมีประสิทธิภาพที่สุด สามารถหาซื้อได้ในรูปแบบยาเม็ดหรือเจล ควรปฏิบัติตามคำแนะนำบนฉลากอย่างเคร่งครัด
    • น้ำตาลทรายขาว 3-4 ช้อนชา: ละลายในน้ำ ควรดื่มอย่างช้าๆ
    • น้ำผลไม้ (น้ำผลไม้ 100%): เช่น น้ำส้ม น้ำองุ่น (หลีกเลี่ยงน้ำผลไม้ที่ผสมน้ำตาลเพิ่ม)
    • นมพร่องมันเนย (หรือที่มีไขมันต่ำ): ให้โปรตีนและคาร์โบไฮเดรต
    • ขนมปัง หรือ คุกกี้: ควรเป็นชนิดที่ไม่มีการเติมน้ำตาลมากเกินไป
  • การสังเกตอาการ: หลังจากรับประทานอาหารหรือเครื่องดื่มแล้ว ควรสังเกตอาการอย่างใกล้ชิด ตรวจวัดระดับน้ำตาลในเลือดอีกครั้งหลังจากผ่านไป 15-30 นาที หากอาการไม่ดีขึ้น หรือยังคงมีอาการมึนงง ควรติดต่อแพทย์หรือเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ทันที

  • การป้องกันภาวะน้ำตาลตก: การวางแผนการรับประทานอาหารอย่างเหมาะสม การควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดอย่างสม่ำเสมอ การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และการตรวจวัดระดับน้ำตาลในเลือดเป็นประจำ ล้วนเป็นปัจจัยสำคัญในการป้องกันภาวะน้ำตาลตก

เมื่อใดควรไปพบแพทย์?

  • หากอาการน้ำตาลตกไม่ดีขึ้นหลังจากรับประทานอาหารหรือเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลแล้ว
  • หากผู้ป่วยหมดสติหรือไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้
  • หากเกิดภาวะน้ำตาลตกบ่อยครั้ง

ข้อควรระวัง: อย่าปล่อยให้ผู้ป่วยเบาหวานที่มีภาวะน้ำตาลตกอยู่เพียงลำพัง ควรมีผู้ดูแลอยู่ใกล้ชิดเสมอ และควรเตรียมอุปกรณ์ช่วยเหลือฉุกเฉินไว้เสมอ เช่น น้ำตาลกลูโคส และเบอร์โทรศัพท์ฉุกเฉิน

บทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ความรู้เบื้องต้นเท่านั้น ไม่สามารถใช้ทดแทนคำแนะนำจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญได้ ควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านเบาหวานเพื่อรับคำแนะนำที่เหมาะสมกับสภาพร่างกายของแต่ละบุคคล