มีไข้กี่องศาถึงต้องกินยา
เด็กอายุ 6 เดือนขึ้นไปที่มีไข้สูงกว่า 38.5 องศาเซลเซียส ควรให้ยาพาราเซตามอลตามขนาดที่ฉลากระบุหรือคำแนะนำจากเภสัชกร หากไข้ไม่ลดหลัง 4 ชั่วโมง สามารถทานยาซ้ำได้ แต่หากไข้สูงมากหรือมีอาการอื่นร่วมด้วย ควรปรึกษาแพทย์โดยด่วน
ไข้ขึ้นเท่าไหร่ถึงต้องกินยา? ความรู้เบื้องต้นสำหรับพ่อแม่และผู้ดูแล
ไข้เป็นสัญญาณเตือนจากร่างกายว่ากำลังต่อสู้กับการติดเชื้อ แม้จะเป็นอาการที่พบได้บ่อย แต่การรู้จักวิธีรับมืออย่างถูกต้องนั้นสำคัญมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเด็กเล็ก คำถามที่พ่อแม่หลายคนสงสัยคือ ไข้ขึ้นกี่องศาถึงต้องให้ยาลดไข้? บทความนี้จะช่วยไขข้อข้องใจและให้ความรู้เบื้องต้นในการดูแลผู้ที่มีไข้
ก่อนอื่นต้องเข้าใจว่า อุณหภูมิร่างกายที่ถือว่าเป็นไข้มีความแตกต่างกันเล็กน้อย ขึ้นอยู่กับวิธีการวัดและอุปกรณ์ที่ใช้ การวัดอุณหภูมิทางทวารหนัก (Rectal) มักจะให้อุณหภูมิสูงกว่าการวัดทางรักแร้ (Axillary) หรือทางหู (Tympanic) เล็กน้อย อย่างไรก็ตาม หลักการสำคัญคือการสังเกตอาการโดยรวมของผู้ป่วยมากกว่าการจดจ่ออยู่กับตัวเลขเพียงอย่างเดียว
สำหรับเด็กอายุ 6 เดือนขึ้นไป: โดยทั่วไปแล้ว หากวัดอุณหภูมิทางรักแร้หรือทางหูแล้วได้ 38.5 องศาเซลเซียส หรือสูงกว่า ควรพิจารณาให้ยาลดไข้ ยาที่แนะนำคือ พาราเซตามอล ควรให้ยาในขนาดที่เหมาะสมกับน้ำหนักตัวของเด็กตามคำแนะนำบนฉลากยาหรือคำแนะนำจากเภสัชกรอย่างเคร่งครัด ห้ามให้ยาเกินขนาดเด็ดขาด
หากให้ยาพาราเซตามอลแล้ว 4 ชั่วโมงผ่านไป ไข้ยังไม่ลดลง สามารถให้ยาซ้ำได้อีกครั้ง แต่ควรสังเกตอาการอย่างใกล้ชิด หากไข้ยังคงสูงขึ้นเรื่อยๆ หรือมีอาการอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น อาเจียน ซึม งอแงมากผิดปกติ ปวดศีรษะรุนแรง มีผื่นขึ้น หรือมีอาการอื่นๆ ที่น่ากังวล ควรพาไปพบแพทย์ทันที
สำหรับเด็กอายุต่ำกว่า 6 เดือน: เด็กเล็กมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อร้ายแรงมากกว่า ดังนั้น หากเด็กอายุต่ำกว่า 6 เดือนมีไข้ ไม่ว่าอุณหภูมิจะเท่าใดก็ตาม ควรพาไปพบแพทย์โดยด่วน อย่าพยายามรักษาเอง เพราะอาการไข้ในเด็กเล็กอาจบ่งชี้ถึงปัญหาสุขภาพที่ร้ายแรงได้
สิ่งสำคัญที่ควรคำนึงถึง:
- การวัดอุณหภูมิ: ควรเลือกวิธีการวัดอุณหภูมิที่เหมาะสมและใช้อุปกรณ์ที่แม่นยำ ทำความเข้าใจวิธีการวัดอย่างถูกต้องเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่น่าเชื่อถือ
- สังเกตอาการโดยรวม: อุณหภูมิร่างกายเป็นเพียงตัวเลขหนึ่ง ควรสังเกตอาการอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น ความอยากอาหาร ความกระฉับกระเฉง การนอนหลับ และอารมณ์ของผู้ป่วย หากมีอาการผิดปกติ ควรปรึกษาแพทย์
- การให้ยา: ให้ยาตามขนาดที่ระบุไว้บนฉลากหรือคำแนะนำจากแพทย์/เภสัชกรอย่างเคร่งครัด อย่าให้ยาเกินขนาดหรือให้ยาชนิดอื่นโดยไม่ได้รับคำแนะนำจากแพทย์
- การป้องกัน: การดูแลสุขภาพที่ดี การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ การนอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอ และการรักษาสุขอนามัยที่ดี จะช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคและไข้ได้
บทความนี้ให้ข้อมูลเพื่อการเรียนรู้เบื้องต้นเท่านั้น ไม่สามารถใช้ทดแทนคำแนะนำจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญได้ หากคุณมีข้อสงสัยหรือกังวลเกี่ยวกับไข้ โปรดปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรเพื่อรับคำแนะนำที่เหมาะสมกับสภาพร่างกายของผู้ป่วยแต่ละราย
#ยาลดไข้#อาการไข้#ไข้สูงข้อเสนอแนะสำหรับคำตอบ:
ขอบคุณที่ให้ข้อเสนอแนะ! ข้อเสนอแนะของคุณมีความสำคัญต่อการปรับปรุงคำตอบในอนาคต